หลังจากรอคอยมานานหลายปี ในที่สุดรถครอสโอเวอร์ไฟฟ้าของ Lotus ก็มาถึง กับเจ้า Eletre EV โดยทางบริษัทตั้งใจให้รถรุ่นนี้มีจิตวิญญาณความเป็นรถสปอร์ตแบบดั้งเดิมจากทางค่าย อีกทั้งยังพกพาความสะดวกสบายตามแนวทางของครอสโอเวอร์ตามสมัยนิยม
[adsforwp id=”1302″]
2022 Lotus Eletre EV ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Electric Premium Architecture ของบริษัท โดยทางผู้ผลิตได้กล่าวอ้างถึงคุณภาพของตัวรถ ว่าจะมีกำลังสูงสุดที่มากถึง 600 แรงม้า โดยมีมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้า 2 ชุดแยกตามเพลาขับหน้าหลัง มีคุณสมบัติในการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 3.0 วินาที และสามารถแล่นด้วยความเร็วสูงสุดที่มากถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ในขณะที่แบตเตอรี่บน 2022 Lotus Eletre EV จะพกพาแบตเตอรี่ขนาด 100 kWh ที่ผ่านการทดสอบ WLTP บนระยะทางสูงสุด 600 กิโลเมตร โดยสามารถชาร์จบนสถานีกระแสตรงกำลังไฟสูงสุด 350 kw แค่ 20 นาที ก็สามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตร
ระบบช่วงล่างของตัวรถจะเป็นแบบ Air Suspension พร้อมการปรับความสูงขณะขับขี่แบบแอ็คทีฟ อีกทั้งยังมีการติดตั้ง Rear-Axle Steering และเหล็กกันโคลงแบบแอ็คทีฟมาให้จากโรงงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนที่มากเป็นพิเศษ
[adsforwp id=”1302″]
ด้านหน้า Eletre ปรับองค์ประกอบการออกแบบทั่วไปจากรถสปอร์ต Lotus Emir ให้เป็นรูปทรงครอสโอเวอร์ เข้ากับเทรนด์ปัจจุบันมีไฟหน้าแบบแยกส่วน ไฟวิ่งอยู่ที่ขอบด้านหน้าของฝากระโปรงหน้า และไฟหลักอยู่ที่ส่วนล่างของแผงหน้ากระจังหน้ามีระบบแอโรไดนามิกแบบแอกทีฟโดยใช้ชิ้นส่วนสามเหลี่ยมที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งจะติดตั้งมอเตอร์และแบตเตอรี่แยกส่วนการทำงานกับระบบไฟฟ้าหลักในการขับเคลื่อน อีกทั้งยังมีการติดตั้งระบบระบายความร้อนของเบรกมาให้อีกด้วย
ในส่วนของเทคโนโลยีสมัยใหม่นั้น 2022 Lotus Eletre EV จะมีการติดตั้งเซนเซอร์ Lidar 4 ตัว โดยจะมีการติดตั้งที่กระจกหน้า 1 ตัว กระจกหลัง 1 ตัว และบนหลังคาอีก 2 ตัว นอกจากนี้แต่ละด้านของตัวถังยังมีอุปกรณ์อยู่ใกล้บังโคลนหน้า โดยจะเปิดใช้งานระบบเป็นเหมือนกับกล้องหน้ารถในตัวอีกด้วย Lotus อ้างว่า Eletre สามารถขับขี่อัตโนมัติแบบ End-To-End เทคโนโลยีรองรับการอัพเดตแบบ Over-The-Air โดยผู้ครอบครองสามารถอัพเดตซอฟแวร์ระบบได้ด้วยตัวเอง ต้องนำรถเข้าไปยังศูนย์บริการ
ภายในห้องโดยสารนั้น ส่วนคนขับจะพบกับหน้าจอแสดงผลแบบใหม่ ที่มีขนาดที่เล็กและบางมากๆ ตามสัดส่วนจะมีความสูงเพียง 30 มิลลิเมตร ซึ่งแสดงข้อมูลต่างๆ เช่น การเลือกเพลงหรือจุดสนใจใกล้เคียง โดยข้อมูลอื่นๆ เช่นความเร็ว โหมดการขับขี่ จะแสดงบนหน้าจอ Head Up Display บนกระจกหน้า ส่วนหน้าจอสาระบันเทิงส่วนกลางจะเป็นจอแนวตั้งขนาด 15.1 นิ้ว โดยรวมแล้วงานออกแบบจะเน้นที่ความทันสมัย
สำหรับงานสร้างนั้น Lotus ได้ใช้โรงงานแห่งใหม่ในเมืองหวู่ฮั่น ประเทศจีนเป็นฐานการผลิตโมเดลนี้โดยเฉพาะ และจะมีการส่งมอบตัวรถล็อตแรกภายในไตรมาสแรกของปี 2023 ซึ่งในกลุ่มแรกที่จะได้รับตัวรถก่อนใคร จะเป็นลูกค้าในประเทศจีน สหราชอาณาจักร และบางประเทศในโซนยุโรปตะวันออก โดยยังไม่มีการเปิดเผยเรื่องของราคาและกำหนดการในการเปิดจองล่วงหน้า ณ ตอนนี้
Credit : www.motor1.com
[adsforwp id=”1302″]