หลังจากการประกาศการมาถึงของ SUV รุ่นใหม่ล่าสุดจากผู้ผลิต Nissan ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉมจากรุ่นเดิม ด้วยการที่ผู้ผลิตประกาศถึงการเปลี่ยนแปลงระบบส่งกำลังใหม่ รวมไปถึงพาร์ทต่างๆ ที่กำลังจะถูกเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ยานพาหนะแห่งโลกอนาคต วันนี้เราเลยรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจของเจ้า Pathfinder รุ่นใหม่มาให้ได้อ่านกันครับ
[adsforwp id=”1302″]
ในฐานะหนึ่งในรถยนต์ที่ขายดีที่สุดของ Nissan ใน Segment SUV ของเจ้า Pathfinder มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อแบรนด์ อย่างไรก็ตามยังเป็นหนึ่งในรถที่เก่าแก่ที่สุดในไลน์การผลิต ซึ่งหลักจากพักการผลิตมานานสามปีทางบริษัท ก็พร้อมแล้วสำหรับการนำเสนอผลงานชิ้นใหม่ของทางค่าย ด้วยการออกแบบที่ใหม่ทั้งหมดส่งผลให้เจ้า Pathfinder กลายเป็น SUV แบบสามแถวที่นั่งขนาดกลางที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
นอกเหนือจากรูปโมเดลที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ทันสมัยมากขึ้น ตัวรถยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยขั้นสูงสุด และมีความสามารถในการเชื่อมต่อที่เหมาะสมกับการเป็นรถสำหรับครอบครัวที่แท้จริง โดยที่ผู้ผลิตได้ทำการเปลี่ยนที่แตกต่างกันแปลงระบบส่งกำลังใหม่ทั้งหมด ด้วยการยกเลิกการใช้ระบบเกียร์ CVT (Continuously Variable Transmission) มาใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 สปีด แม้ว่าจะยังคงเป็นรถ SUV แบบครอสโอเวอร์ในสไตล์ Unibody ที่มีระบบขับเคลื่อนด้านหน้าหรือขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่ Pathfinder ใหม่มีโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกัน 7 โหมดและความสามารถในการลากจูงได้มากถึง 6,000 ปอนด์ (2.7 ตัน)
รูปลักษณ์ภายนอกนั้น เห็นได้ชัดว่าได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยยังคงเลือกใช้งานกระจังหน้าแบบ V-Motion ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Nissan พร้อมด้วยไฟหน้าขนาดใหญ่และคิ้วไฟเลี้ยวและไฟ DRL ที่เรียวแหลม ทำให้ตัวรถดูพริ้วไหวมากขึ้น การออกแบบฝากระโปรงนั้นมีความคลายกับรถมินิแวน เสา A, B และ D ที่เป็นสีดำจะเชื่อมต่อกับเสา C สีตัวถัง ทำให้ตัวรถมีเอฟเฟกต์หลังคาลอยตัวซึ่งน่าสนใจกว่ารุ่นเดิม
บริเวณด้านหลังไฟท้าย LED ที่เพรียวบางทำให้รถครอสโอเวอร์ดูกว้างขึ้นและวางตำแหน่งได้มากขึ้นและส่วนโค้งนูนที่ส่องสว่างด้วยเครื่องหมาย “PATHFINDER” สีเงิน ทำให้เกิดความรู้สึกที่เกี่ยวโยงกับโมเดลแรก ซุ้มล้อที่หนาและดูแข็งแรง ทำให้ Pathfinder รุ่นใหม่นั้นดูมีกล้ามเนื้อและดูแข็งแรงสมส่วนมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
[adsforwp id=”1302″]
สำหรับการตกแต่งภายในนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาส่วนใหญ่ของรถยนต์แบบที่นั่งสามแถวนั้นคือการออกแบบตำแหน่งต่างๆ ที่ลงตัวยากกว่าที่นั่งแบบสองแถว แต่กับ Pathfinder ใหม่นั้นค่อนข้างแก้ไขปัญหามาได้เป็นอย่างดี การแบ่งแถวที่นั่งนั้นทำได้ลงตัว ด้วยการแบ่งแถวสองแถวแรกด้วยเบาะนั่งสำหรับผู้โดยสารแถวล่ะสองที่นั่ง และแถวที่สามอีกสามที่นั่ง มีการเลือกใช้งานชุดเทคโนโลยีที่ได้รับการปรับปรุงซึ่งรวมถึงหน้าจอสัมผัสตรงกลางขนาด 9.0 นิ้ว แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้วและจอแสดงผลบนศีรษะขนาด 10.8 นิ้ว มีความสามารถ Apple CarPlay และ Android Auto ซึ่งการตกแต่งทั้งหมดนี้เรายังเห็นโครงร่างจาก Nissan Rouge
Nissan ยังไม่เปิดเผยการวัดขนาดภายในทั้งหมด แต่ Pathfinder จะมีห้องบรรทุก 16.6 ลูกบาศก์ฟุตหลังแถวที่สามซึ่งมีการปรับปรุงจากโมเดลเดิม 0.4 ลูกบาศก์ฟุต ด้วยเบาะนั่งด้านหลังที่พับเรียบทั้งหมด SUV สามารถรองรับแผ่นไม้อัดขนาด 4X8 ฟุตได้อย่างสบายๆ
มาดูกันถึงระบบความปลอดภัยกันบ้าง ใน Pathfinder รุ่นใหม่จะได้รับ Nissan Safety Shield 360 เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกๆ เกรด ซึ่งรวมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, การตรวจสอบจุดบอด, คำเตือนการออกนอกเลน, ไฟสูงอัตโนมัติและเบรกหลังอัตโนมัติ โดยที่รุ่น SV และ SL ระดับกลางจะมี ProPilot Assist เป็นตัวเลือกเพิ่มระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control) และระบบใหม่ Lane-Centering ที่ช่วงรักษาช่องทางการเดินรถให้อยู่กลางเลนท์เสมอ ส่วนรุ่นท๊อปสุดอย่าง Platinum จะได้รับ ProPilot Assist with Navi-Link ซึ่งใช้ข้อมูลจากการนำทางที่ฝังไว้เพื่อคาดการณ์การเดินทางล่วงหน้า และการเตรียมตัวเมื่อใกล้ถึงทางแยกเพื่อป้องกันการเลยทางแยก
ในส่วนสุดท้ายคือเรื่องของขุมกำลัง 2022 Nissan Pathfinder จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3.5 ลิตรแบบ V6 ให้กำลังสูงสุด 284 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 351 นิวตันเมตร ที่มาพร้อมกับความสามารถในการลากจูงที่สูงถึง 2.7 ตัน ซึ่งมากที่สุดรุ่นหนึ่งในกลุ่ม SUV เครื่องยนต์ V6 จะเป็นรองก็แค่ Dodge Durango ที่มาพร้อมกับความสามารถในการลากจูง 2.8 ตัน แต่ก็สามารถเอาชนะ Ford Explorer (2.5 ตัน) Toyota Highlander, Kia Telluride และ Honda Pilot (2.2 ตัน)
การจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ 2022 Nissan Pathfinder นั้นจะเริ่มจำหน่ายกันในช่วงหน้าร้อนที่จะถึงนี้หรือประมาณช่วงเดือนเมษายน โดยยังไม่มีการวางราคาอย่างเป็นทางการ ณ ตอนนี้ แต่คาดว่าราคาของมันน่าจะสูงกว่ารุ่นปัจจุบันที่ยังมีจำหน่ายอยู่ที่ รุ่น 2WD ในราคา 31,980 ดอลลาร์ (963,237 บาท) และรุ่น 4WD Platinum ราคา 44,910 ดอลลาร์ (1.35 ล้านบาท)
Credit : www.motor1.com
[adsforwp id=”1302″]