ประกาศอย่างเป็นทางการ กับการอัพเดท Mercedes-Benz GLE 2024 รุ่นใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยเพิ่มรุ่นปลั้กอินไฮบริด (PHEV) เข้าสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ SUV หรูขนาดกลางเป็นครั้งแรก
[adsforwp id=”1302″]
Mercedes-Benz GLE 2024 ได้รับการปรับปรุงในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก ด้วยการปรับปรุงกระจังหน้าใหม่ ด้วยการเสริมโครเมียมแนวนอนใหม่ 2 ชิ้น พร้อมด้วยการเน้นโครเมียมแนวนอนใหม่ที่ช่องดักอากาศด้านข้าง ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันได้รับการปรับแต่งใหม่ โดยมีจุดบรรจบกันสองจุดในแต่ละดวง และไฟท้ายยังได้รับการออกแบบใหม่เป็นสองบล็อกแนวนอน ที่ปัดกระจกหลังได้รับการเปลี่ยนแปลง ล้ออัลลอยใหม่ 2 ล้อขนาด 19 และ 20 นิ้ว เป็นตัวเลือกและมีเฉดสีใหม่ 2 เฉดสี ได้แก่ Twilight Blue Metallic และ Manufaktur Alpine Grey
[adsforwp id=”1302″]
ในขณะที่รุ่นประสิทธิภาพอย่าง AMG Line นั้นจะเสริมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานจาก 580 4Matic มาพร้อมกระจังหน้าแบบเพชร คลิปด้านหน้าออกแบบโดย AMG กาบข้าง AMG ซุ้มล้อสีเดียวกับตัว5y’และดิฟฟิวเซอร์ AMG ด้านหลัง AMG Line ยังมาพร้อมกับการออกแบบล้อขนาด 21 นิ้ว
ภายใน GLE ปี 2024 จำลองรายละเอียดบางอย่างจากรุ่น GLS และ S-Class ด้วยพวงมาลัยแบบใหม่ที่มีซี่ล้อแนวนอนแบบใหม่พร้อมเซนเซอร์แบบสัมผัส ซึ่งควบคุมทั้งส่วนคนขับและจอแสดงผลส่วนกลาง ระบบปฎิบัติการ MBUX เจนเนอเรชั่นที่สองของ Mercedes ระบบอินเทอร์เฟซพร้อมการอัพเดทแบบ Over The Air ช่องระบายอากาศได้รับการเคลือบโครเมียมแบบเดียวกับในรุ่น GLS นอกจากนี้ GLE ยังได้รับการตั้งค่าไฟภายในรถที่กำหนดค่าได้คล้ายกับที่พบใน S-Class
GLE ยังปรับปรุงความสามารถในการลากจูงด้วยระบบ Trailer Route Planner โดยจะช่วยเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับน้ำหนักในการลากจูง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการขับขี่ที่เหมาะสมกับระยะทางและน้ำหนัก อีกทั้งยังช่วยคำนวนความเป็นไปได้ในเส้นทางที่เรากำหนดเอง รวมไปถึงช่วยคำนวนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจากการลากบนเส้นทางนั้นๆ ได้ เช่นเดียวกับการปรับปรุงการหลบหลีกของรถพ่วง และระบบช่วยบังคับเลี้ยวของรถพ่วงให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม
นอกเหนือจากการตัดแต่ง GLE ไฮบริดขนาด 48V แล้ว ตัวรถ GLE รุ่นปี 2024 ยังมีการเพิ่มรุ่น 400e 4Matic ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริด PHEV กำลัง 38 แรงม้า (HP) 479 Ib-Ft โดยทางผู้ผลิตยังไม่มีการบอกถึงระยะทางในการวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่เปิดเผยว่าตัวรถจะมาพร้อมกับเครื่องชาร์จ AC ขนาด 11 kW และเครื่องชาร์จ DC ขนาด 60 kW เป็นตัวเลือก
ในรุ่น ANG จะมีตัวเลือกAMG GLE 53 และ 63 S โดยทั้งสองรุ่นได้รับการอัพเดทระบบไฟ LED DRLs ที่ออกแบบใหม่ช่องรับอากาศด้านข้างที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบินไอพ่นและการปรับแต่งอีกเล็กน้อยที่ทำให้ AMG 53 ดูใกล้เคียงกับรุ่น GLE 63 S ตัวท๊อป
GLE 63 S ตัวท๊อปจะมาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานพร้อมแพ็คเกจ Air Balance, เบาะนั่งคู่หน้าแบบหลายส่วน, โปรเจ็กเตอร์โลโก้ AMG, ระบบสั่งงานด้วยเสียงภายในห้องโดยสาร และ Head-Up Display มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ V-8 4.0 ลิตร 603 แรงม้า (HP) ระบบควบคุมเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิปและระบบควบคุมช่วงล่างแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียด
สุดท้ายยังไม่มีการเปิดเผยราคาจำหน่ายในแต่ล่ะรุ่น แต่ทางผู้ผลิตได้กล่าวเสริมว่า Mercedes-Benz GLE ทั้งรุ่นมาตรฐานและรุ่น AMG Line จะเริ่มต้นการผลิตอย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นปีนี้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ทางผู้ผลิตจะเปิดเผยราคาและการเปิดจองล่วงหน้าในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 นี้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motortrend.com
[adsforwp id=”1302″]