นับว่าเป็นการเปลี่ยนถ่ายเจนเนอเรชั่นที่สมบูรณ์แบบมากๆโมเดลหนึ่งของ Kia ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศเกาหลีใต้ ที่กำลังเตรียมนำเสนอเจนเนอเรชั่นที่ 5 ของโมเดล SUV ขนาดเล็กที่ผลิตมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 28 ปี อย่างเจ้า 2022 Kia Sportage ซึ่งกำลังเตรียมการทำตลาดในโซนอเมริกาเหนือและอาเซี่ยนแต่น่าเสียดายที่ยังคงไม่มีประเทศไทยอยู่ในแผนการนั้น
[adsforwp id=”1302″]
สำหรับ Kia Sportage นั้นเคยมีการนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยช่วงปี 1993-2004 โดยเป็นโมเดลในยุคแรกเริ่มที่ใช้แพลตฟอร์มร่วมกับ Mazda Bongo โดยมีจุดเด่นที่ระบบขับเคลื่อนแบบ RWD และเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรแบบ DOHC และดีเซล 2.0 ลิตร โดยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในช่วงเริ่มต้น และการนำเข้ามาจำหน่ายควบคู่กับ Kia Sephia รถยนต์ซีดาน 4 ประตู แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้การทำตลาดของโมเดลทั้งสองต้องหยุดลงในปี 2004 พร้อมกับการเปลี่ยนถ่ายผู้จัดจำหน่ายรายใหม่ และทำให้โมเดลทั้งสองหายไปจากสารระบบยานยนต์ไทย นับตั้งแต่ช่วงนั้น
กลับมาว่ากันต่อที่โมเดลเจนเนอเรชั่นที่ 5 ของเจ้า Sportage กันสักหน่อย จากข้อมูลที่ผู้ผลิตได้ประกาศมานั้น 2022 Kia Sportage จะถูกยกเครื่องใหม่ทั้งหมด โดยที่เวอร์ชั่นสำหรับตลาดอาเซี่ยนอย่างใน สวป.ลาว หรือ มาเลเซีย นั้นจะใช้ฐานการผลิตในประเทศจีนเป็นหลัก ซึ่งจะมีโครงสร้างที่แตกต่างออกไปจากเวอร์ชั่นยุโรป ที่จะใช้โรงงานในสโลวาเกียเป็นฐานการผลิต แต่ทั้งนี้ ทั้งสองเวอร์ชั่นจะใช้ปรัชญาการออกแบบ Opposites United ซึ่งเป็นหลักสากลของบริษัท หลักการออกแบบของปรัชญานี้จะส่งผลต่อโมเดล Kia ทั้งหมดในอนาคต ซึ่งจะมี DNA พื้นฐานเหมือนกัน
[adsforwp id=”1302″]
การออกแบบ Sportage ใหม่เป็นผลมาจากความร่วมมือระหว่างศูนย์วิจัยของ Kia ในเกาหลี เยอรมนี จีน และสหรัฐอเมริกา มันใช้แพลตฟอร์ม N3 เดียวกันกับ Kia K5 และ Hyundai Tucson เริ่มต้นด้วยการออกแบบภายนอก ส่วนหน้าได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดโดยมีเพียงกระจังหน้า สีดำซึ่งขนาบข้างด้วยไฟ LED DRL รูปทรงบูมเมอแรงแบบใหม่ในแต่ละด้าน นอกจากนี้ ส่วนหน้ายังมีไฟหน้า LED แบบใหม่ที่โดดเด่น ขณะที่ไฟตัดหมอกอยู่ด้านล่างทั้งสองด้าน จากด้านข้าง โปรไฟล์ของ Sportage เจนเนอเรชั่นใหม่ดูใหญ่ขึ้นด้วยเรือนกระจกขนาดใหญ่ซึ่งจะส่งผลให้ห้องโดยสารดูโปร่งขึ้น
หลังคาลาดลงสู่เสา C พร้อมกระจกส่วนหลังแบบค้ำยัน ขณะที่กระจกมองข้างติดตั้งอยู่ที่ประตูเพื่อให้ดูแอโรไดนามิกมากขึ้น เป็นครั้งแรกที่ Sportage ได้รับหลังคาสีดำตัดกับแถบโครเมียมสำหรับยึดสัมภาระ โดยภาพรวมแล้ว Sportage เจนฯที่ 5 นั้นยังมีความเป็น SUV ที่ผสมกับ Crossover แต่ได้พัฒนาเป็นรุ่นสปอร์ตมากขึ้นโดยเอียงไปทางรูปทรงที่เน้นสมรรถนะมากขึ้นด้วยสปอยเลอร์หลังแบบใหม่ ส่วนท้ายของ SUV มีประตูท้ายแบบ Conclave ไฟท้ายรูปตัว C พร้อมไฟ LED DRL แบบกลับหัว และแผ่นกันกระแทกที่ได้รับการออกแบบใหม่
ภายในห้องโดยสาร Sportage รุ่นใหม่ใช้แนวทางการออกแบบที่เรียบง่าย โดยเน้นที่หน้าจอโค้งขนาดใหญ่ที่มีระบบสาระบันเทิงและแผงหน้าปัด หน้าจอขนาบข้างด้วยช่องระบายอากาศในแต่ละด้านและมีขอบด้านหลังเป็นมันเงาล้อมรอบ นอกจากนี้ยังมีการผสมส่วนที่แตกต่างให้ไม่กระด้างด้วยการผสมสีดำเงาลงบนคอนโซลกลางธีมภายในแบบทูโทนสีดำและสีเบจตอกย้ำความหรูหราของตัวรถ นอกจากนี้ห้องโดยสารยังเต็มไปด้วยวัสดุที่สัมผัสนุ่มบนแผงหน้าปัดและแผงประตูด้านข้าง
ทั้งนี้ทางผู้ผลิตยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลในเรื่องของเครื่องยนต์แต่อย่างใด โดยบรรดาสื่อจากทั้งฝั่งยุโรปและอเมริอกาเหนือคาดกันว่า ขุมกำลังนั้นจะยังคงมีตัวเลือกทั้งแบบเบนซินและดีเซลเหมือนเดิม และจะมีการเพิ่มเติมในส่วนของเครื่องยนต์ Hybrid คามความต้องการของตลาด อีกทั้งยังจะมีรุ่นประสิทธิภาพสูงหรือ X-Line ในอนาคตอีกด้วย สำหรับการเปิดตัวในยุโรปนั้นคาดว่าทางผู้ผลิตจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ก่อนจะเดินทางไปเปิดตัวเวอร์ชั่นเดียวกันนี้ที่โซนอเมริกาเหนือ และเวอร์ชั่นเฉพาะตลาดอาเซี่ยนที่คาดว่าจะมาราวๆ เดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนประเทศไทยคงไม่ต้องหวังอะไรมากมายนัก ทาง Kia ยังคงเดินหน้าทำตลาดเฉพาะทางอย่าง Canival และรถยนต์ EV อย่าง Soul เหมือนเดิม
Credit : www.rushlane.com
[adsforwp id=”1302″]