Volkswagen ได้เปิดเผยรายละเอียดของกระบะ Amarok เจเนอเรชั่นที่สอง โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจและความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าเป็นอย่างมาก
[adsforwp id=”1302″]
Volkswagen นำเสนอ Amarok ในรูปแบบของรถปิ๊กอัพมาตั้งแต่ปี 2010 โดยใช้โรงงานในประเทศอาเจนติน่า เป็นฐานการผลิตหลักและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในอเมริกาใต้ ยุโรป และออสเตรเลีย ในขณะที่โมเดลใหม่สำหรับปี 2023 นั้นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบ All-New โดยใช้แพลตฟอร์มใหม่ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงฐานการผลิตใหม่โดยโยกจากอเมริกาใต้ไปสู่ทวีปแอฟริกา โดยใช้โรงงานในประเทศแอฟริกาใต้เป็นฐานการผลิตหลักในการส่งออกไปยังตลาดๆ ต่างๆ ทั่วโลก
โดยตัวรถ 2023 Volkswagen Amarok นั้นจะได้รับงานออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยทีมงาน R&D ในเยอรมัน ส่งผลให้ตัวรถมีกันชนหน้ารูปตัว X ที่สอดอยู่ใต้เส้นรอบวงของ VW ไฟหน้าเมทริกซ์ LED มาตรฐานที่เรียวเข้าไปใน ส่วนบนของบังโคลนและชุดไฟท้ายอันเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มใหม่ ทำให้ขนาดของตัวรถมีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร
โดยมิติตัวรถ Amarok ปี 2023 จะมาพร้อมกับระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 173 มิลลิเมตร เป็น 3,270 มิลลิเมตร ซึ่งจะทำให้ห้องโดยสารมีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม โดยเฉพาะพื้นที่ของที่นั่งแถวสอง ในขณะที่รุ่นแถวนั่งเดี่ยวจะมีขนาดของห้องโดยสารที่ยาวขึ้น และมีพื้นที่บรรทุกในกระบะท้ายที่เพิ่มขึ้น 96 มิลลิเมตร อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนที่สามารถเปลี่ยนจากระบบ ขับ 2WD เป็น 4WD ได้ ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกๆ เกรด
[adsforwp id=”1302″]
ในส่วนของประสิทธิภาพการบรรทุกนั้น ทางผู้ผลิตได้กล่าวอ้างว่าตัวรถ Amarok รุ่นใหม่จะมีความสามารถในการลากจูงน้ำหนักสูงสุด 3,500 กิโลกรัม มีความสามารถในการรองรับน้ำหนักบรรทุกได้มากสุด 1,160 กิโลกรัม และยังมีการเสริมคานรับน้ำหนักเหนือหลังคาที่รองรับการบรรทุกสูงสุด 350 กิโลกรัม
ในส่วนของขุมกำลังนั้นมีความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าพอสมควร โดยทางผู้ผลิตได้กล่าวว่าได้ทำการพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ โดยเน้นไปที่การสร้างแรงบิดสูงในรอบที่ต่ำ โดยจะมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 5 แบบ ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร โดยจะมีสองรูปแบบย่อยแบ่งแยกตามกำลังสูงสุด 148 แรงม้า (HP) และ 168 แรงม้า (HP) ขยับมาที่ตัวกลางจะใช้งานเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร แต่มีการเพิ่มการติดตั้งระบบเทอร์โบชาร์จที่ช่วยเพิ่มกำลังสูงสุดให้เป็น 168 แรงม้า (HP) และตัวท๊อปในกลุ่มดีเซลกับเครื่องยนต์ดีเซล V6 ขนาด 3.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 238 แรงม้า และ 247 แรงม้า ขึ้นอยู่กับภูมิภาคในการทำตลาด ในขณะที่ยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 2.3 ลิตรเทอร์โบ EcoBoost ที่หยิบยืมมาจากพันธมิตรอย่าง Ford ที่ให้กำลังสูงสุด 298 แรงม้า (HP) เป็นตัวเลือกเสริม
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน Amarok รุ่นใหม่ ยังต่อเนื่องไปยังห้องโดยสาร ด้วยการเปลี่ยนแปลงแพลตฟอร์มทำให้ห้องโดยสารมีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม ทั้งแบบ Songle Cab และ Double Cab อีกทั้งยังมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ที่ทันสมัยและระบบความปลอดภัยขั้นสูง ที่มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่กว่า 20 รายการ ส่วนการตกแต่งภายในจะมีการแบ่งแยกไปตามแพ็กเกจAmarok, Life, Style, Panamericana และ Aventura โดยแพ็กเกจขนาดกลางขึ้นไปจะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล Infotainment System แท๊บแล็ตขนาด 12 นิ้ว รองรับระบบสัมผัสเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ทางผู้ผลิตยังไม่มีการเปิดเผยในเรื่องของราคาและวันในการจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่า 2023 Volkswagen Amarok เจนเนอเรชั่นที่สอง จะเปิดตัวในเยอรมันเป็นที่แรกของโลก ในช่วงเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ก่อนจะขยายตลาดในยังประเทศต่างๆในยุโรป อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย และกลุ่มประเทศในแอฟริกาที่ใช้เป็นฐานการผลิต
Credit : www.carscoops.com
[adsforwp id=”1302″]