หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดรถยนต์ประเทศจีน และสร้างกระแสพร้อมกับยอดการสั่งซื้อที่ล้นหลาม BYD Seal ล็อตแรกก็พร้อมแล้วสำหรับการส่งมอบให้กับผู้ที่สั่งจองล่วงหน้า ในเดือนสิงหาคมนี้ และทางผู้ผลิตเองก็พร้อมที่จะทะยอยส่งมอบตัวรถจากยอดจองทั้งหมดมากกว่า 60,000 คันภายในปี 2022 ที่จะหมดลงในอีก 4 เดือนข้างหน้า
[adsforwp id=”1302″]
กลายเป็นรถที่สร้างได้ทั้งกระแสและยอดการจับจอง มากที่สุดรุ่นหนึ่งในการเปิดตัวในปี 2022 นี้ หลังจาก BYD ได้เปิดตัวโมเดล Seal ซีดาน 4 ประตูพลังงานไฟฟ้าในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และได้เปิดให้จองล่วงหน้าในเวลาถัดมา และใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น ก็สร้างยอดการสั่งจองล่วงหน้าทะลุ 22,000 คัน และมียอดสั่งจองล่วงหน้าที่มากกว่า 60,000 คัน เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา
จุดเด่นที่สำคัญของ BYD Seak คือการใช้งานแพลตฟอร์ม e-platform 3.0 ที่วิจัยและพัฒนาโดยบริษัท ซึ่งส่งผลให้ Seal จะมีในส่วนของมิติตัวรถ ที่จะมาพร้อมกับขนาดความยาว 4,800 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,875 มิลลิเมตร ความสูงรวม 1,460 มิลลิเมตร โดยมีระยะฐานล้อ 2,920 มิลลิเมตร ซึ่งจะเห็นได้ว่าตัวรถจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า Tesla Model 3 อยู่เล็กน้อย และมีขนาดที่ใกล้เคียงกับ BMW i3 eDrive35L และมีมิติที่ใกล้เคียงกับคู่เทียบอย่าง Toyota bZ4X ที่มีข่าวลือว่า Toyota ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ BYD ในการพัฒนา
จุดเด่นของแพลตฟอร์ม e-platform 3.0 คือการใช้เทคโนโลยีระบบแบตเตอรี่โครงสร้าง CTB (Cell-to-Body) มาปรับใช้กับแบตเตอรี่ BYD Blade ที่ใช้เซลล์แบตเตอรี่ LFP แบบยาว ที่ช่วยให้การวางแบตเตอรี่บนตัวรถนั้นสามารถสร้างพื้นที่ในแนวราบได้ดีกว่า และยังช่วยลดการกระจายน้ำหนักของตัวรถ อีกทั้งยังช่วยในการประจุไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่มีความรวดเร็วกว่าแบตเตอรี่ทั่วๆไป
[adsforwp id=”1302″]
นอกเหนือจากแพลตฟอร์มและงานออกแบบที่ดึงดูดแล้ว ราคาของตัวรถเองก็ดึงดูดไม่แพ้กัน โดยราคาเปิดตัวของ BYD Seal นั้นวางราคาเริ่มต้นที่ 222,274 หยวน หรือราวๆ 1.19 ล้านบาท ซึ่งยังมีการอุดหนุนจากรัฐบาลจีนในการใช้งานยานยนต์ EV อีกราวๆ 12,000 หยวน (64,500 บาท) ซึ่งส่งผลให้ตัวท๊อปที่สุดของซีรี่ส์มีราคาจำหน่ายเพียง 286,800 หยวน หรือราวๆ 1.54 ล้านเท่านั้น
แล้วราคานี้ได้อะไรบ้าง เรามาดูกันที่รุ่นเริ่มต้นของ BYD Seal จะมาพร้อมกับมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้าขนาด 150 kW ส่งกำลังไปยังล้อหลัง แบตเตอรี่ความจุ 61.4 kWh รองรับการวิ่ง 550 กิโลเมตร ในการชาร์จไฟเพียงรอบเดียว มีความสามารถในการเร่งคามเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 7.5 วินาที รองรับการชาร์จไฟด้วยระบบ Fast Charge กำลังไฟสูงสุด 110 KW ใช้เวลาชาร์จจาก 30-80% ในเวลา 30 นาที
ส่วนตัวท๊อปจะมาพร้อมกับมอเตอร์คู่ ด้านหน้าขนาด 160 kW แรงบิดสูงสุด 810 นิวตันเมตร และด้านหลัง 230 kW แรงบิดสูงสุด 670 นิวตันเมตร ตัวรถมาพร้อมกับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 3.8 วินาที แบตเตอรี่ขนาด 82.5 kWh ทำการทดสอบ CLTC (China Light Duty Vehicle Test Cycle) ได้ระยะ 650 กิโลเมตร รองรับการชาร์จไฟด้วยระบบ Fast Charge กำลังไฟสูงสุด 150 KW ใช้เวลาชาร์จจาก 30-80% ในเวลา 30 นาที
นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสเปกตัวรถที่ให้มาค่อนข้างจะจัดเต็มมากๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง Tesla Model 3 ที่มีสเปกใกล้เคียงกัน แต่ BYD Seak นั้นมีราคาจำหน่ายที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ตัวรถประสบความสำเร็จในด้านยอดการสั่งซื้อล่วงหน้า ซึ่งในเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทก็จะทำการจัดส่งตัวรถล็อตแรกให้กับผู้ที่สั่งซื้อล่วงหน้า พร้อมกับส่งตัวรถทดสอบให้กับสื่อยานยนต์ภายในประเทศได้ทดสอบขับขี่กัน ดังนั้นหากมีบทความเกี่ยวกับการทดสอบตัวรถในสถานการณ์จริง พวกเราทีมงาน Thai Driving ก็จะเอามานำเสนอท่านผู้อ่านในโอกาสต่อไปอย่างแน่นอน
Credit : nsideevs.com
[adsforwp id=”1302″]