จวนเจียนจะเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ 2023 All-New Honda Civic Type-R ในตลาดรถยนต์อเมริกา ที่จะเริ่มเปิดให้จับจองล่วงหน้าในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ซึ่งเราก็ได้ลองค้นหาข้อมูลของซีรี่ส์ประสิทธิภาพสูงของ Honda ที่ผ่านประวัติศาสตร์มานานถึง 25 ปี และได้ทำการสรุปให้เข้าใจง่ายและกระชับในบทความนี้
[adsforwp id=”1302″]
สำหรับ Honda Civic Type R จัดว่าเป็นซี่รี่ส์รถยนต์ Hatchback ประสิทธิภาพสูงที่มีพื้นฐานมาจาก Civic ซึ่งพัฒนาและผลิตโดย Honda โดยเปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายนปี 1997 ซึ่งรหัส Type-R นั้นถูกใช้งานมาก่อนหน้านี้แล้วบนโมเดล NSX และ Integra ซึ่งทำให้ Civic เป็นโมเดลลำดับที่ 3 ที่ได้รับรหัสพิเศษนี้ โดยทั่วไปแล้วตัวรถที่มาพร้อมกับรหัส Type-R นั้นจะมีตัวถังที่เบาและแข็งแรงกว่ารุ่นมาตรฐานเครื่องยนต์ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษ เบรกและแชสซีที่ได้รับการอัพเกรด และจะมีการใช้งานระบบเกียร์แบบธรรมดาเท่านั้น และสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของรหัส TYpe-R อีกหนึ่งอย่างก็คือ ตราสัญลักษณ์ Honda ที่ติดตั้งบนตัวรถ จะใช้พื้นสีแดงเป็นฉากหลังของโลโก้ตัว H ที่แสดงออกถึงสมรรถนะขั้นสูงจากค่ายปีกนก
1997 Honda Civic Type-R “EK9”
โมเดลแรกของ Civic Type-R เกิดขึ้นในปี 1997 คือตัวรุ่น EK9 ซึ่งเป็นพื้นฐานมาจาก Civic เจเนอเรชั่นที่ 6 โดยตัวรถจะเป็นรูปแบบ Hacthback 3 ประตู ที่ใช้เชสซีแบบ Monocoque พร้อมกับขุมกำลัง 1.6 ลิตร B16B ให้กำลัง 185 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์แมนวล 5 สปีด ภายในห้องโดยสารจะมาพร้อมกับเบาะนั่ง Recaro ทรง Bucket ที่เป็นภาพจำของตัวรถและเป็นอีกหนึ่งแรร์ไอเทม ที่มีผู้ตามหาในปัจจุบัน
2001 Honda Civic Type-R “EP3”
ต่อมาในปี 2001 กับรุ่นที่สองของ Civic Type-R กับเจ้า EP3 ที่ใช้พื้นฐานมาจาก Civic เจนฯ 7 และเป็นครั้งแรกของ Civic Type-R ที่ข้ามน้ำข้ามทะเล ไปลุยตลาดยุโรป ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Honda ตัดสินใจขึ้นไลน์การผลิตในโรงงานที่ตั้งในเมือง Swindon ในประเทศอังกฤษ เพื่อการจำหน่ายในยุโรปโดยเฉพาะ ด้วยขุมกำลัง 2.0 ลิตร K20A และ K20A2 สำหรับจำหน่ายในโซนยุโรปตะวันออก และกลายเป็นโมเดลที่แป๊กที่สุดของซีรี่ส์ Type-R เลยก็ว่าได้ เพราะมียอดการจำหน่ายตลอดเวลา 4 ปีไปเพียง 132 คันจากการทำตลาด 8 ประเทศในยุโรป
[adsforwp id=”1302″]
2007 Honda Civic Type-R “FN2”
การกลับมาอีกครั้งของ Civic Type-R กับเจ้า FD2 และ FN2 ครั้งนี้ Honda เรียนรู้จากความล้มเหลวครั้งก่อน ด้วยการแบ่งสเปกออกเป็น 2 รูปแบบ โดย FD2 จะเป็นสเปกสำหรับทำตลาดเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร K20A ที่ให้กำลังสูงสุด 225 แรงม้า (PS) ส่วน FN2 จะเป็นโมเดลที่ใช้ในตลาดยุโรปและภูมิภาคอื่นๆ จะเป็นเครื่องยนต์ K20Z4 ให้กำลังสูงสุด 201 แรงม้า (PS) และความพิเศษของเวอร์ชั่นยุโรป จะมาพร้อมกับระบบเบรก Brembo เต็มระบบ และถูกนำไปใช้เป็นโมเดลสำหรับการจำหน่ายในออสเตรเลีย สิงคโปร มาเลเซีย และแน่นอนมันประสบความสำเร็จมากกว่าที่ Honda คาดหวังไว้เป็นอย่างมาก
2015 Honda Civic Type-R “FK2”
ในปี 2015 Honda นำเสนอ Civic Type-R อีกครั้งกับเจ้า FK2 ซึ่งครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยปรับรูปแบบจากรถ Hacthback 3 ประตู ไปสู่รุ่น 5 ประตู พร้อมกับการนำเสนอเครื่องยนต์ K20C1 พร้อมเทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุดทะลุ 310 แรงม้า (PS) ซึ่งความแรงขนาดนี้ ทำให้ผู้ผลิตต้องสร้างระบบกันสะเทือนแบบพิเศษขึ้นมา เพื่อให้เหมาะสมกับการทำงานของเครื่องยนต์รอบจัด ที่มาพร้อมกับแรงบิดมหาศาลในรอบต่ำ จากข้อมูลเชิงเทคนิคได้ระบุว่า ตัวรถมีความสามารถในการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 5.7 วินาที
2017 Honda Civic Type-R “FK8”
เจเนอเรชั่นที่ 5 ของ Civic Type-R เกิดขึ้นในปี 2017 กับเจ้า FK8 ที่มาพร้อมกับพื้นฐานของ Civic Hatchback เจนฯ 10 โดยยังคงใช้งานเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบ K20C1 จากรุ่นก่อนหน้า แต่มีการปรับกำลัง 2 รูปแบบ โดยจะแบ่งเป็นรุ่น 320 แรงม้า (PS) ที่ใช้ทำตลาดในญี่ปุ่นเท่านั้น และรุ่น 310 แรงม้า (PS) ที่ใช้ทำตลาดในระดับสากล และเป็นครั้งแรกที่ Honda ประเทศไทย ได้นำเอาโมเดลนี้มาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยตั้งมูลค่าไว้ที่ 4,000,000 บาท ในเวลานั้น และมีการจำหน่ายในรูปแบบจำนวนจำกัดเพียง 4 คันเท่านั้น
2023 Honda Civic Type-R “FL8”
เรายังคงต้องรอการมาถึงของ FL8 หรือ 2023 Honda Civic Type-R เจเนอเรชั่นที่ 6 ที่กำลังจะขึ้นไลน์การผลิตจริงในโรงงาน Yorii, Saitama ประเทศญี่ปุ่น ส่วนการเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการหรือไม่ เราคงต้องติดตามกันต่อไป…
Credit www.carscoops.com
[adsforwp id=”1302″]