Mitsubishi ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น ได้ออกมาประกาศถึงผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในการทำตลาดในอเมริกา โดยมีโมเดลเรือธงอย่าง Outlander PHEV ที่จะเริ่มเข้าสู่ตลาดในช่วงปลายปีที่จะถึงนี้
[adsforwp id=”1302″]
สำหรับการประกาศรายชื่อผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาดในปีหน้า Mitsubishi ยังมีการประกาศการเปลี่ยนแปลงและอัพเกรดโมเดลเดิมที่มีอยู่แล้ว ให้มีประสิทธิภาพที่มากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นตัวชูโรงของ Mitsubishi ในปีหน้าก็คือ Outlander PHEV ที่ทางบริษัทได้ออกมาบอกว่าจะมีสเปกที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในปัจจุบัน ด้วยการปรับขนาดมอเตอร์และแบตเตอรี่ชุดใหม่ เพื่อให้สามารถใช้งานไฟฟ้าได้ระยะทางที่ไกลกว่าเดิมและมีสมรรถนะในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมกว่า รวมไปถึงการปรับขนาดถังน้ำมันใหม่ ให้มีความจุที่ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานในระยะทางที่ไกลกว่าเดิม
ไม่เพียงแต่รุ่นมาตรฐานเท่านั้น Mitsubishi ยังมีประกาศการมาถึงของโมเดลรุ่นพิเศษ Raayart Edition ที่จะเข้าสู่ตลาดในช่วงกลางปี 2023 และจะมีโมเดลพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 40 ปี สำหรับ Outlander PHEV รวมไปถึง Black Edition ที่จะยังคงเป็นตัวเลือกหลัก และจะมีการจำหน่ายแยกออกเป็นสองเกรด ประกอบด้วย SE และ SEL เช่นเดียวกับ Putlander Sport ที่จะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบ AWD จะยังคงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้ซื้อ
[adsforwp id=”1302″]
ส่วนโมเดลอื่นๆ นั้น 2023 Eclipse Cross จะมีการปรับปรุงอุปกรณ์มาตรฐานใหม่ ด้วยชุดไฟตัดหมอกใหม่ที่ให้ความสว่างที่ดีกว่า ในเกรด SEL จะมาพร้อมกับขอบล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้วที่ได้รับการปรับปรุงและออกแบบใหม่ และสีสันตัวถังรูปแบบใหม่ โดยจะยังคงระบบขับเคลื่อนแบบ AWD เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีการจำหน่ายโมเดลใหม่แล้วในโชว์รูมทั่วอเมริกา ถึงแม้ว่าจะพึ่งเปิดตัวโมเดลก่อนหน้าไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็ตาม
มาต่อกันที่ Mirage และ Mirage G4 รุ่นใหม่สำหรับปี 2023 จะมีการตัดรุ่นเกียร์ MT 5 สปีคออกไป และจะใช้งานชุดเกียร์ CVT อัตโนมัติแทน ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม ที่จะเริ่มต้นด้วยราคา 16,245 ดอลล่าร์ (596,417 บาท) ไปเป็น 17,245 ดอลลาร์ (633,237 บาท) และจะมีรุ่นพิเศษ Ralliart ตามมาในช่วงกลางปี 2023 อีกด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของไลน์อัพผลิตภัณฑ์ที่จะเข้าร่วมในตลาดอเมริกาในปี 2023 ที่จะถึงนี้ ยังไม่รวมโมเดลใหม่ที่ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ส่วนการอัพเดตในครั้งนี้จะส่งผลต่อผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป
Credit : www.carscoops.com
[adsforwp id=”1302″]