นับว่าเป็นช่วงเวลาของข่าวที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ เพราะล่าสุด Honda USA ได้ประกาศปรับราคารถยนต์ SUV ขนาดกลางยอดนิยมอย่าง Honda CR-V ที่จะทำตลาดในปี 2023 ใหม่ ซึ่งปรับขึ้นจากเดิมพอสมควร และดูเหมือนว่าการปรับขึ้นราคานั้น เกิดจากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนและ Semi-Conductor ที่หลายๆ ผู้ผลิตกำลังเผชิญอยู่ ณ ขณะนี้
[adsforwp id=”1302″]
สำหรับ 2023 Honda CR-V ในตลาดอเมริกานั้นจะมีตัวเลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบ และขุมกำลัง Hybrid โดยมีตัวเลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และแบบ 4 ล้อ โดยสามารถแบ่งออกเป็นเกรดทั้งหมดได้ 7 เกรด โดยเริ่มต้นจากเกรด EX ขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่มาพร้อมกับขุมกำลัง 1.5 ลิตรเทอร์โบแบบ 4 ลูกสูบ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ในกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ควบคู่กับแรงบิด 179 Ib-Ft โดยมีอัตราสิ้นเปลืองจากการทดสอบ EPA ในเมือง 28 บนทางหลวง 34 และแบบรวม 30 กิโลเมตรต่อลิตร อีกทั้งยังมีตัวเลือกระบบขับเคลื่อนแบบ AWD พ่วงมาให้เลือกใช้งานอีกหนึ่งเกรด
ขยับมาในเกรดที่สูงกว่า EX-L จะยังคงใช้งานเครื่องยนต์ ICE 1.5 ลิตรเทอร์โบ แต่จะมีการเพิ่มอุปกรณ์ในห้องโดยสาร ทั้งหน้าจอแสดงผลส่วนกลางขนาด 9 นิ้วที่มาพร้อมกับหน้าต่างเมนูแบบ “Simplified” ที่เข้าใจง่าย ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย รองรับมาตรฐาน Qi การเชื่อมต่อ Apple CarPlay ไร้สายและ Android Auto ระบบเสียง 8 ลำโพง เบาะนั่งหนัง และเพิ่มระบบความปลอดภัยมาตรฐานด้วยระบบเบรกฉุกเฉินความเร็วต่ำ เข้ามา ตัวเลือกระบบขับเคลื่อนยังคงมีทั้งแบบ 2 ล้อและ AWD เหมือนกับ EX
[adsforwp id=”1302″]
ในขณะที่ขุมกำลัง Hybrid จะเริ่มต้นที่เกรด Sport โดยจะมาพร้อมกับขุมกำลัง 2.0 ลิตร แบบ 4 ลูกสูบเรียง ให้กำลัง 204 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 247 Ib-Ft พร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยจะมีอัตราสิ้นเปลืองจากการทดสอบ EPA ในเมือง 43 ทางหลวง 35 และแบบรวมที่ 35 กิโลเมตรต่อลิตร อีกทั้งยังมีตัวเลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ AWD มาให้เหมือนเดิม
ในขณะที่รุ่นท๊อปสุดจะเป็นเกรด Sport Touring ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ จะมีตัวเลือกเครื่องยนต์ Hybrid และระบบขับเคลื่อนแบบ AWD เท่านั้น โดยจะมีการอัพเกรดอุปกรณ์จากเกรด Sport ด้วยขอบล้อขนาด 19 นิ้ว ระบบเสียง Bose 12 ลำโพง บริการนำทางด้วยดาวเทียม จุดเชื่อมต่อ Wi-Fiเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ในส่วนของราคานั้น 2023 Honda CR-V ในตลาดรถยนต์อเมริกา จะเริ่มต้นด้วยเกรด EX ขับเคลื่อน 2 ล้อ ด้วยราคา 31,110 ดอลล่าร์หรือประมาณ 1.140 ล้านบาท ซึ่งปรับขึ้นจากเดิมในราคาเปิดตัวเมื่อกลางปี 2022 ที่จำหน่ายด้วยราคา 28,095 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 1.030 ล้านบาท โดยรวมแล้วราคาของตัวรถพุ่งไปราวๆ 110,000 บาทเลยทีเดียว ในขณะที่ราคาสูงสุดของตัวรถในเกรด Sport Touring นั้นจะอยู่ที่ 38,600 ดอลล่าร์หรือประมาณ 2.51 ล้านบาท
Credit : www.motortrend.com
[adsforwp id=”1302″]