ก่อนหน้านี้ไม่นาน ทางค่าย Mitsubishi ได้ทำการเปิดตัว All New ASX รถยนต์อเนกประสงค์ SUV รุ่นใหม่ล่าสุดของพวกเขาอย่างเป็นทางการ โดยมันถูกวางตำแหน่งเป็นรถ SUV ขนาดกระชับ เน้นความคล่องตัวสูงในการใช้งาน เราลองไปดูรายละเอียดแบบเต็มๆ ของตัวรถด้วยกันเลย ว่ามันจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
[adsforwp id=”1302″]
สำหรับพื้นฐานของตัวรถแล้ว All New Mitsubishi ASX จะเลือกใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบ CMF-B ที่นำมาจากรุ่น Renault Captur ที่เป็นพันธมิตรของทาง Mitsubishi ในการร่วมมือกันในการพัฒนารถรุ่นนี้ (รวมไปถึงทางค่าย Nissan ด้วย) และเมื่อตัวรถเสร็จสมบูรณ์ มันถือว่ามีจุดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องของขุมกำลัง ซึ่งจะมีให้เลือกมากถึง 5 รูปแบบ ทั้งเครื่องยนต์สันดาป ICE, เครื่องยนต์แบบไมล์ดไฮบริด 2 รูปแบบ, เครื่องยนต์ไฮบริด และสุดท้ายแบบปลั๊กอินไฮบริด
[adsforwp id=”1302″]
ด้านรายละเอียดของขุมกำลังเครื่องยนต์ทั้งหมด จะมีดังนี้
- เครื่องยนต์เบนซินแบบ 3 สูบเรียง 1.0 ลิตร (MT 6 สปีด) ให้แรงม้าสูงสุด 90 ตัว / แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร
- เครื่องยนต์เบนซิน-ไฮบริดแบบ 4 สูบเรียง 1.3 ลิตร (MT 6 สปีด) ให้แรงม้าสูงสุด 138 ตัว / แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร
- เครื่องยนต์เบนซิน-ไฮบริดแบบ 4 สูบเรียง 1.3 ลิตร (DCT 7 สปีด) ให้แรงม้าสูงสุด 156 ตัว / แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร
- เครื่องยนต์เบนซิน-ไฮบริดแบบ 4 สูบเรียง 1.6 ลิตร + แบตเตอรี่ 1.3 กิโลวัตต์ ให้แรงม้าสูงสุด 141 ตัว / แรงบิดสูงสุด 148 นิวตันเมตร
- เครื่องยนต์เบนซินแบบปลั๊กอิน-ไฮบริด + แบตเตอรี่ 10.5 กิโลวัตต์ ให้แรงม้าสูงสุด 160 ตัว / แรงบิดสูงสุด 144 นิวตันเมตร สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ ได้สูงสุด 49 กม.
และสำหรับฟีเจอร์ต่างๆ ภายในตัวรถนั้น จะประกอบไปด้วย หน้าจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว หน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 9.3 นิ้วตรงกลาง สามารถเชื่อมต่อกับระบบ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สายได้อีกด้วย
สำหรับทางด้านระบบความปลอดภัยของตัวรถ จะประกอบไปด้วย ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน / แจ้งเตือนการออกนอกเลน / การตรวจจับป้ายจราจร / ระบบช่วยจอดรถ / ระบบเตือนจุดบอดสายตา / เตือนการออกนอกเลนแบบแอ็คทีฟ / เตือนความเร็ว / ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน / ระบบขับแบบติดตามรถคันข้างหน้า
แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ยังไม่มีการประกาศราคาออกมา แต่เร็วๆ นี้เราก็น่าจะได้ทราบกันแล้ว รวมไปถึงว่านอกเหนือจากทางฝั่งยุโรปและในญี่ปุ่นเองแล้ว รถรุ่นนี้จะมีโอกาสทำตลาดในประเทศไหนกันอีกบ้าง ต้องมารอติดตามกันต่อไป
Credit : creative311.com
[adsforwp id=”1302″]