หลังจากที่เปิดตัว Toyota Crown Crossover รุ่นใหม่ไปเมื่อกลางปี 2022 ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า Toyota ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น จะขยายรากฐานของ New Crown ให้ครอบคลุมตลาดในทุกๆ รูปแบบ โดยล่าสุดมีประกาศอย่างเป็นทางการของ New Crown 3 รุ่นใหม่ ที่จะมีกำหนดการในการทำตลาดในช่วงปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้
[adsforwp id=”1302″]
โดยสามรุ่นใหม่ของ Toyota New Crown นั้นจะประกอบไปด้วย New Crowm Sedan ซึ่งจะใช้พื้นฐานของ New Crown Crossover มาปรับปรุงใหม่ให้เป็นรถยนต์ 4 ประตู ที่ให้ทั้งความทันสมัยในการออกแบบ และมาพร้อมกับความหรูหราตามสไตล์ของรถยนต์ในซีรี่ส์ของ Crwin ซึ่งรุ่นนี้จะมีกำหนดการในการเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2023 ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่บริษัทเปิดตัว New Corolla Cross ใหม่และ New Land Cruiser Prado รุ่นปรับปรุง
[adsforwp id=”1302″]
รุ่นต่อมาคือ New Crown Estate ซึ่งจะเป็นรถยนต์ SUV แบบ 3 แถวที่นั่ง โดยจะเป็น New Crown ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดด้วยตัวถังที่ยาวถึง 4,930 มิลลิเมตร กว้าง 1,880 มิลลิเมตร และสูง 1,620 มิลลิเมตร ถึงแม้ว่ารูปแบบของตัวรถจะอิงไปในรถยนต์ SUV 3 ที่นั่ง แต่ผู้ผลิตได้อธิบายเสริมว่า ตัวรถจะเป็นรูปแบบของ Station Wagon โดยจะเน้นพื้นที่ในการขนสัมภาระ และจัดการพื้นที่ห้องโดยสารที่ลงตัว ตัวรถมีกำหนดการเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2023 ที่จะมาถึงในอีกไม่ช้า
ปิดท้ายที่รุ่น New Crown Sport ซึ่งทางผู้ผลิตคาดหวังว่าจะเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีงานออกแบบที่ใกล้เคียงกับ Ferrari Purosangue อีกทั้งยังมีภาพรวมของตัวรถที่เหมือนกับ Porsche Macan ซึ่งทาง Toyota มีวัตถุประสงค์ในการสร้างภาพลักษณ์ของ New Crown Sport ให้อยู่ในระดับเดียวกับรถยนต์หรูจากฝั่งยุโรป นั่นเอง ตัวรถจะมีกำหนดการเปิดตัวในช่วงหน้าร้อนปี 2023
All-New Toyota Crown Crossover
ทั้งสามรุ่นจะใช้ภาษาออกแบบ Hammerhead ที่เป็นรูปแบบการดีไซน์ใหม่ของ Toyota ที่เราเคยเห็นมาใน New Crown Crossover รวมไปถึง All-New Prius รุ่นใหม่ ในขณะที่เรื่องของขุมกำลังนั้น คาดว่าจะเป็นขุมกำลังชุดเดียวกับที่ติดตั้งบน New Crown Crossover ที่มีตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบ ประกอบด้วย เครื่องยนต์เบนซิน DynamicFroce 2.5 ลิตร 4 สูบ + มอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.4 ลิตร+มอเตอร์ไฟฟ้า ในขณะที่ระบบขับเคลื่อนจะมีให้เลือกใช้งานทั้งแบบ FWD และ AWD ในส่วนของขุมกำลัง PHEV และ BEV นั้นคาดว่าจะมีตามมาในช่วงปี 2024
Credit : creative311.com
[adsforwp id=”1302″]