ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกเร่งพัฒนาไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า ผู้ผลิตรถยนต์ประสิทธิภาพสูงจากเยอรมัน Mercedes-AMG กำลังเปิดตัวโมเดลประสิทธิภาพ E63 S Final Edition ที่คาดว่าจะเป็นโมเดลสุดท้ายของซีรี่ส์ที่จะใช้งานเครื่องยนต์ V8
[adsforwp id=”1302″]
Mercedes-AMG E63 S Final Edition จะมีการผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 999 คันเท่านั้น ในแง่ของรูปลักษณ์ ตัวรถจะมาพร้อมกับเฉดสีพิเศษ Matt Graphite Grey Magno พร้อมกับชุดแต่งพิเศษ AMG Night Package สีดำ บวกกับแพ็คเกจ Carbon ทำให้รูปลักษณ์โดยรวมดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
[adsforwp id=”1302″]
ในห้องโดยสารเราจะได้พบกับอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษจาก AMG มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เบาะนั่ง AMG Performance, พวงมาลัย AMG Performance, พรมปูพื้น AMG และวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์จำนวนมากพร้อมไฟ Ambint และตราสัญลักษณ์พิเศษของ Final Edition
ในส่วนของขุมกำลังนั้น ตัวรถจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ M177 4.0 ลิตร V8 ซึ่งสามารถส่งกำลังได้ 612 แรงม้า (HP) ควบคู่กับแรงบิด 850 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ MCT AMG Speedshift 9 สปีด ระบบขับเคลื่อน 4MATIC+ มีคุณสมบัติในการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 3.4 วินาที ตัวรถจะถูกจำกัดความเร็วสูงสุดที่ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอย่างเป็นทางการคือ 11.6 ลิตรบนระยะทาง 100 กิโลเมตร
อย่างไรก็ดี สื่อต่างประเทศหลายสำนัก ต่างคาดเดากันว่า Mercedes-AMG E63 S Final Edition คันนี้จะเป็นโมเดลสุดท้าย ที่จะใช้งานเครื่องยนต์ V8 ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยที่รุ่นต่อไป คาดกันว่าจะเปลี่ยนรูปแบบเครื่องยนต์ใหม่ โดยใช้ขุมกำลังเบนซิน+มอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้า และคาดว่าจะเปิดตัวโมเดลรุ่นต่อไปในช่วงปลายปี 2023 เป็นอย่างเร็ว
จากจำนวน 999 คันทั่วโลกนั้น ปัจจุบัน Mercedes-AMG E63 S Final Edition เริ่มวางจำหน่ายแล้วในประเทศญี่ปุ่น ทั้งสิ้น 50 คัน โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 24,470,000 เยน หรือประมาณ 6.33 ล้านบาท ซึ่งราคานี้ถ้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยคงไม่ใช่ราคานี้อย่างแน่นอน
Credit : keyauto.my
[adsforwp id=”1302″]