ขึ้นโชว์ตัวอย่างเป็นทางการในงาน CES2023 สาหรับรถปิ๊คอัพฟูลไซส์พลังงานไฟฟ้าอย่าง Ram 1500 Revolution ซึ่งจะเข้าสู่ตลาดยานยนต์ในปี 2024 ในตลาดรถยนต์อเมริกัน โดยมีเป้าหมายที่จะท้าสู้กับ Ford F-150 Lightning ที่ปัจจุบันเริ่มส่งมอบตัวรถจริงให้กับลูกค้าบางส่วนแล้ว
[adsforwp id=”1302″]
อาจจะดูช้ากว่าคู่แข่ง แต่เจ้า Ram 1500 Revolution ก็มีทีเด็ดที่จะเอาชนะคู่แข่งได้บ้าง โดยภาพรวมของตัวรถนั้นจะเป็นรถปิ๊คอัพขนาดฟูลไซส์ ที่จัดจ้านทั้งในแง่ของการออกแบบ โดดเด่นทั้งส่วนหน้าและส่วนท้าย ด้วยดีไซน์สมัยใหม่ อีกทั้งยังมีการติดตั้งบานประตูแบบ Suicide Door ที่มีลักษณะการเปิดเข้าถึงห้องโดยสารเหมือนกับการเปิดตู้ ทำให้สามารถเข้าถึงห้องโดยสารได้ง่ายกว่า โดยไม่มีเสากลางมาขวางทาง
[adsforwp id=”1302″]
ในการโชว์ตัวครั้งนี้ Mike Koval Jr. ซีอีโอของ Ram ได้กล่าวถึงการนำเสนอรถแนวคิดคันนี้ไว้ว่า “ทุกสิ่งที่คุณเห็นต่อจากนี้จะเป็นลูกหลานโดยตรงของสิ่งนี้” ใช่แล้วตัวรถที่เราได้เห็นกันไปนั้นจะเป็นเพียงรถยนต์ต้นแบบเท่านั้น ส่วนการผลิตจริงอาจจะมีการตัดทอนเพื่อการลดต้นทุน แต่ทางผู้ผลิตได้ให้คำมั่นอย่างชัดเจนว่าจะรักษาแนวทางจากรถต้นแบบไว้ให้ได้มากที่สุด
ไม่เพียงเท่านั้น Mike Koval Jr. ได้กล่าวเสริมในทำนองที่ว่า Ram ออกตัวในการผลิตรถปิ๊คอัพไฟฟ้าที่ช้ากว่าคู่แข่ง แต่ทางผู้พัฒนาใส่ใจในรายละเอียดเป็นอย่างมาก และยืนยันว่าถึงจะออกสตาร์ทช้ากว่าใครๆ แต่จะแซงหน้าด้วยนวัตกรรมที่เหนือกว่า ด้วยการลากจูงและน้ำหนักบรรทุกระยะทาง และเวลาในการชาร์จ โดยทางผู้พัฒนาได้ส่งทีมงานไปสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้งานทั่วอเมริกาเพื่อขอคำแนะนำและคำติชมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเอง
กลับมาที่ตัวรถ Ram 1500 Revolution จะมีห้องโดยสารที่ใหญ่กว่า Ram 1500 รุ่นปัจจุบัน ด้วยความที่ตัวรถไม่ต้องติดตั้งเครื่องยนต์สันดาป ทำให้ห้องโดยสารมีการขยายออกไปจากเดิม 4 นิ้ว โดยที่ระบะท้ายจะยังคงความยาวเท่ากับรุ่นปัจจุบัน ถึงแม้ว่าความยาวโดยรวมของห้องโดยสารจะยาวขึ้น แต่ความสูงกลับเตี้ยลงกว่ารุ่นปัจจุบัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลดีต่อหลักการอากาศพลศาสตร์ ที่ทำให้มีค่าสัมประสิทธิการลากที่ต่ำลง
และความขนาดของห้องโดยสารที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น Ram 1500 Revolution ได้ใส่ฟีเจอร์เด็ด อย่างที่นั่งแถวที่สาม หรือที่ทีมผู้พัฒนาเรียกว่า Jump Seat ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่ใช้งานบน GMC Revo แต่มีความแตกต่างกันในเรื่องของการใช้งาน โดย Ram 1500 Revolution จะมีกลไกสำหรับการขยับเบาะนั่งฝั่งซ้ายไปข้างหน้า ซึ่งจะเปิดพื้นที่สำหรับที่นั่ง Jump Seat ทำให้สามารถบรรจุผู้โดยสารสูงสุดได้ 5 ที่นั่งนั่นเอง
นอกเหนือจาก Jump Seat แล้ว Ram ยังติดตั้งลูกเล่นพิเศษสำหรับเบาะนั่งแถวที่สอง โดยมีสลักในการถอดเบาะนั่งแถวที่สองออกได้ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ และสามารถปรับพื้นห้องโดยสารให้เป็นที่ราบ และเจาะส่วนบนของกระบะให้สามารถทะลุไปถึงท้ายกระบะได้ สามารถบรรทุกสิ่งของที่มีความยาวสูงสุดได้ 18 ฟุต หรือจะติดตั้งเบาะนั่งฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าให้กลับด้าน อีกทั้งยังมีการติดตั้งลำโพงส่วนตัวที่เบาะนั่งแต่ล่ะจุด ที่สามารถปรับระดับเสียงความดังเบาของการเล่นเพลงได้อิสระอีกด้วย
ในห้องโดยสารมีการติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 28 นิ้วcแบบพับได้ โดยให้อารมณ์เหมือนกับการใช้งานแท๊บเล็ต ซึ่งสามารถปรับองศาการติดตั้งได้ 3 ระดับ อีกทั้งยังสามารถถอดออกจากเบ้า และยังคงสามารถใช้งานได้ตามปกติ หลังคาของห้องโดยสารจะเป็นกระจกนิรภัยยาวตลอดห้องโดยสาร เสริมด้วยคาน ติดด้วยฟิลด์มาเพื่อช่วยลดความร้อนจากแสงแดด ไม่เพียงเท่านั้น Ram ต้องการกำหนดประสบการณ์ของลูกค้าใหม่โดยใช้เทคโนโลยีล่าสุดสำหรับการเชื่อมต่อและคุณสมบัติการเคลื่อนที่ขั้นสูง คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมที่สุด ได้แก่ ผู้ช่วยส่วนตัวที่ใช้ AI ที่เรียกว่า 3D RAM เพื่อตอบสนองต่อคำสั่งเสียง ที่มีคุณสมบัติพิเศษ โดยสามารถสั่งการด้วยเสียงจากนอกตัวรถได้ ทั้งการปลดล็อกประตูและการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ
ฟีเจอร์เด็ดที่สุดของระบบ 3D RAM คือคำสั่ง “Follow Me” โดยเมื่อใช้คำสั่งเสียงชุดนี้ ตัวรถจะเดินตามคนถือ Smart Key โดยมีการใช้งานเรดาร์และเซนเซอร์ที่ติดตั้งรอบๆ ตัวรถเพื่อคำนวนเส้นทางในการเคลื่อนที่ตามผู้ออกคำสั่ง โดยอัตโนมัติ โดยคำสั่งนี้จะใช้ได้ทั้งเดินหน้า หรือถอยหลัง ซึ่งเอื้อประโยชน์อย่างมากในการขยับรถจากจุดที่จอดอยู่ในระยะทางสั้นๆ โดยไม่ต้องขึ้นไปขับขี่หรือหักพวงมาลัยนั่นเอง
มาถึงตรงนี้เชื่อได้เลยว่า หลายๆ คนอยากจะรู้สเปกของตัวรถกันแล้ว Ram 1500 Revolution จะติดตั้งมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้าทั้งสิ้น 2 ชุด ชุดล่ะ 2 ตัว ที่เพลาขับหน้าและหลัง ทำให้ตัวรถมีระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ส่วนแบตเตอร์รี่ที่ติดตั้งบนตัวรถนั้นจะมีความสามารถในการวิ่งทำระยะสูงสุดได้ 500 ไมล์ (804 กิโลเมตร) ในการประจุไฟ ที่ทำให้ตัวรถวิ่งทำระยะไฟ 100 ไมล์ (ราวๆ 160 กิโลเมตร) ด้วยการชาร์จไฟบนสถานี 800V แบบ DC ด้วยเวลาเพียง 10 นาที และรองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 350 kW
สุดท้ายตัวรถ Ram 1500 Revolution ยังเป็นเพียงรถยนต์แนวคิดเท่านั้น เวอร์ชั่นการผลิตจริงจะมีการเปิดตัวในช่วงกลางปี 2023 และจะเปิดตัวเวอร์ชั่นจำหน่ายจริงอย่างเป็นทางการในปลายปี และพร้อมจำหน่ายในไตรมาสที่สองของปี 2024 ซึ่งจะเป็นเวลาเดียวกับคู่แข่งอย่าง Chevy Silverado EV
Credit : www.motortrend.com
[adsforwp id=”1302″]