Toyota ได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดรถยนต์ประเทศอินโดนีเซีย ด้วยการนำเสนอ Toyota Agya 2023 ซึ่งเป็นโมเดลที่มีการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด และยังเป็นการต่อลมหายใจให้กับรถ Low Cost Green Car (LCGC) หรือรถขนาดเล็กราคาประหยัดในตลาดอีกด้วย
[adsforwp id=”1302″]
Toyota Agya 2023 พัฒนาบนแพลตฟอร์ม DNGA หรือ Daihatsu New Global Architecture ซึ่งเป็นผลงานร่วมมือระหว่าง Toyota และ Daihatsu ในประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งตัวรถยังมีร่างแฝดคนล่ะฝานอกแบรนด์อย่าง Perodua Axia ในประเทศมาเลเซีย ที่พึ่งจะเปิดตัวรุ่นใหม่สำหรับปี 2023 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยเจ้า Toyota Agya ปรากฏตัวครั้งแรกในตลาดรถยนต์ประเทศอินโดนีเซียในปี 2013 โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นรถในโครงการ LCGC ที่ภาครัฐให้การสนับสนุน อารมณ์ก็เหมือนกับโครงการรถ ECO Car ของประเทศไทย ที่เคยบูมมากในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา
[adsforwp id=”1302″]
ถึงแม้ว่าจะพัฒนาบนแพลตฟอร์มเดียวกัน แต่ Toyota Agya 2023 และ Perodua Axia ก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของการออกแบบ โดยจะสังเกตได้จากการวางตำแหน่งของชุดไฟ DRL ที่ Agya จะวางตำแหน่งอยู่เหนือชุดไฟหลัก แต่ Axia จะวางตำแหน่งอยู่ด้านล่างในชุดไฟหน้าและต่อเนื่องกับคิ้วตะแกรงหน้าเหมือนเป็นชิ้นเดียวกัน เช่นเดียวกับไฟ DRL ด้านล่าง Agya จะวางตำแหน่งในด้านข้างส่วนล่างของกันชนหน้าในแนวตั้ง แต่ Axia จะวางในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกันแต่จะเป็นแนวนอน และมีขนาดที่เล็กกว่า
ในส่วนของด้านข้างและด้านหลังนั้น แทบจะไม่มีความแตกต่างจากกันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ก็จะมีความแตกต่างเล็กๆ น้อยในส่วนของรายละเอียดที่ Agya จะใช้ขอบล้ออัลลอยด์แบบ Mono Tone สีเดียว ขนาด 14 นิ้ว ซึ่งจะแตกต่างกับ Axia ที่จะใช้งานล้อขนาด 15 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
Toyota Agya 2023 จะมีด้วยกัน 2 รุ่น คือรุ่น G และ GR Sport โดยจะใช้งานพื้นฐานเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร 3 ลูกสูบ WA-VE ใช้ใน Daihatsu Rocky และ Toyota Raize รุ่นเริ่มต้น ให้กำลังสูงสุด 88 แรงม้า (HP) แรงบิด 112 นิวตันเมตร ซึ่งจะเป็นเครื่องยนต์ชุดใหม่ ที่เข้ามาแทนที่ 3NR-VE 1.2 ลิตร 4 สูบที่ใช้งานมาตั้งแต่ช่วงเปิดตัวในปี 2013 โดยมีตัวเลือกระบบส่งกำลังทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT
ภายใน ผังแดชบอร์ดล้วนแต่สะท้อนรูปแบบเดียวกับของ Perodua Axia ปี 2023 โดยมีความแตกต่างในรายละเอียดบางอย่าง เช่น การควบคุมเครื่องปรับอากาศ และหน้าจอแสดงผลส่วนคนขับที่ใช้งานหน้าจอแบบละนาล็อกเข็มนาฬิกา แตกต่างจาก Axia ที่ใช้หน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอลเต็มรูปแบบแล้ว ในขณะที่รุ่นสเปกสูงอย่าง GR Sport จะได้รับหน้าจอแสดงผลส่วนคนขับดิจิตอล TFT ขนาด 7 นิ้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หน้าจอใหม่นี้กลับมีความคล้ายคลึงกับผลิตภัณฑ์ของ Perodua อย่าง Ativa และ Alza เป็นอย่างมาก
Toyota Agya ในรุ่น GR Sport จะได้รับการปรับแต่งระบบกันสะเทือนและพวงมาลัยใหม่ เพื่อประสบการณ์การขับขี่แบบสปอร์ตยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับภายนอกตัวรถ ที่จะมาพร้อมกับชุดแต่งพิเศษที่ให้อารมณ์ความเป็นสปอร์ตที่เหนือกว่ารุ่น G
อย่างไรก็ดีทางผู้ผลิตเองยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเชิงลึก และข้อมูลอย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังไม่มีการเปิดเผยราคาค่าตัวของเจ้า Toyota Agya รุ่นปี 2023 แต่อย่างใด โดยสื่อยานยนต์จากแดนอิเหนาได้วิเคราะห์ว่า จะมีการเปิดราคาอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายนเป็นอย่างช้า และคาดว่าจะพร้อมจำหน่ายในเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป โดยใช้โรงงานในประเทศเป็นฐานการผลิตหลักเช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้านี้ ที่ทำตลาดมาอย่างยาวนาน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก paultan.org
[adsforwp id=”1302″]