เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศอินเดีย สำหรับรถซีดานขนาดกลางอย่าง New Honda City รุ่นใหม่ของปี 2023 โดยจะเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ พร้อมกับการตัดตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซลออกไป และใส่เครื่องไฮบริด e:HEV เข้ามาแทนที่
[adsforwp id=”1302″]
Honda City ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตลาดรถยนต์อินเดีย ซึ่งมีขนาดของตลาดรถซีดานที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย ในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่นี้ ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก จะมีการเปลี่ยนแปลงที่กันชนหน้าได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้ดูสปอร์ตขึ้นเล็กน้อย โครเมียมหนาด้านล่างเส้นปิดฝากระโปรงมีขนาดเล็กลงเล็กน้อย ซึ่งเพิ่มลักษณะสปอร์ตให้กับตัวรถ กระจังหน้าขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย โดยจะมาพร้อมกับลายแบบตาข่ายแทนที่กระจังหน้าแบบแนวนอนดั่งเดิม กันชนครึ่งล่างได้รับการแก้ไขเล็กน้อยเช่นกัน สิ่งเดียวที่แปลกประหลาดคือ กระจังหน้าส่วนบนจะมีรอยแยกที่ใหญ่กว่าส่วนล่างมาก
[adsforwp id=”1302″]
Honda City เป็นรถซีดานที่ค่อนข้างเพียบพร้อมไปด้วยฟีเจอร์ มีพวงมาลัยหุ้มหนังและหัวเกียร์, ที่บุนวมข้างประตู, IRVM แบบลดแสงอัตโนมัติ, ORVM ที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าและพับได้, ระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 8 นิ้ว, คอนโซลอุปกรณ์ดิจิทัลเต็มรูปแบบ, หลังคาซันรูฟ, ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ และอื่นๆ อีกมากมาย
บนตัวรถรุ่นใหม่ จะมาพร้อมกับ Sensing Suite ของเทคโนโลยี ADAS ที่ใช้กล้อง ติดตั้งอยู่ใต้ IRVM โดยมีระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบช่วยเปลี่ยนเลน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ ระบบตรวจสอบจุดบอด และอื่นๆ อีกมากมาย กล้องช่วยเปลี่ยนเลนด้านล่างซ้าย ORVM ยังคงอยู่ตามเดิมพร้อมฟังก์ชันการทำงานเช่นเดิม
ด้วยการประกาศค่า Honda India จะลดการใช้งานเครื่องยนต์ดีเซลลงหลังจากวันที่ 31 มีนาคมเป็นต้นไป ทำให้ City และ Amaze จะเริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลือกเดียวในกลุ่มเครื่องยนต์ OCE (เฉพาะในประเทศอินเดียเท่านั้น) โดยเครื่องยนต์ชุดนี้จะให้กำลังสูงสุด 118 แรงม้า hp) พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีดหรือเกียร์ CVT มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ประมาณ 18 กิโลเมตรต่อลิตร ในขณะที่ตัวเลือกใหม่ที่เข้ามาแทนที่การขาดหายไปของเครื่องยนต์ดีเซลคือเครื่องยนต์ e:HEV ไฮบริด ที่ทางผู้ผลิตเคลมว่า มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 26 กิโลเมตรต่อลิตร
สำหรับราคาจำหน่ายในประเทศอินเดียนั้น New Honda City รุ่นมาตรฐานจะมีราคาเริ่มต้นที่ 1,149,000 รูปี หรือประมาณ 485,980 บาท ซึ่งจะมีราคาที่สูงกว่ารุ่นก่อนหน้าประมาณ 35,000 รูปี หรือราวๆ 14,803 บาท ส่วนรุ่น e:HEV นั้นจะมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2,039,000 รูปี หรือราวๆ 862,343 บาท โดยประมาณ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.rushlane.com
[adsforwp id=”1302″]