กลายเป็นโมเดลเด่นในคลาสใหญ่ของรถสี่ประตูไปเสียแล้วสำหรับ 2021 Toyota Avalon ที่กำลังมีการอัพเดทใหม่สำหรับโมเดลปีหน้า โดยได้เพิ่มความพิเศษมากมายลงไปในตัวรถ ไม่ว่าตัวเลือกระบบขับเคลื่อน AWD และรุ่นตกแต่งพิเศษ New Nightshade Edition ที่จะมาพร้อมกับคุณสมบัติ Android Auto
[adsforwp id=”1302″]
ข่าวใหญ่ที่สุดก็คงไม่พ้นการเปลี่ยนแปลงระบบขับเคลื่อนใหม่เป็นระบบ AWD ที่เดิมที่ Toyota Avalon รุ่นเดิมนั้นจะมีเฉพาะในโมเดล XLE และ Limited เท่านั้น แต่ในรุ่นสำหรับปี 2021 จะเปลี่ยนมาใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ทุกรุ่น โดยที่จุดเด่นของระบบ AWD คือระบบสามารถส่งแรงบิดเครื่องยนต์สูงสุดถึง 50 เปอร์เซ็นต์ไปยังล้อหลัง โดยสามารถสร้างแรงฉุดอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับสภาพอากาศที่แปรปรวนและลื่นไหล
โดยรุ่นมาตรฐานจะใช้ขุมกำลังขนาด 2.5 ลิตร สี่ลูกสูบให้แรงม้า 205 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 251 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแปดสปีดและซีดานถูกกำหนดให้มีอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง แบบในเมือง 25 MPG Highway 34 MPG โดยรวมอยู่ที่ 28 MPG เท่านั้น โดยจะมีรุ่นตกแต่งพิเศษ New Nightshade Edition ที่จะเพิ่มขอบหน้าต่างสีดำ มือจับประตูสีดำและเสาอากาศครีบฉลามดำ นอกจากนี้ยังมีล้ออัลลอยด์สีดำขนาด 19 นิ้วใหม่ กระจังหน้าสีดำ ฝาครอบกระจกสีดำและสปอยเลอร์หลังสีดำ
[adsforwp id=”1302″]
2021 Toyota Avalon TRD
สำหรับผู้ที่มองหารถสี่ประตูประสิทธิภาพสูง Toyota Avalon TRD ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ โดยตัวรถนั้นจะเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ให้เป็น 3.5 ลิตร แบบV6 ให้กำลังสูงสุด 310 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 362 นิวตันเมตร มาพร้อมกับระบบไอเสียคู่หลังแบบแคทหลังระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตและเบรก beefier brakes รถยนต์ยังมีชุดบอดี้แอโรไดนามิกที่มีตัว front splitter, sportier side skirts และ rear diffuser ติดตั้งมาให้จากโรงงาน
2021 Toyota Avalon TRD
2021 Toyota Avalon ยังมีรุ่น Hybrid ที่ได้เปลี่ยนแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ ให้เป็น แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ทันสมัยขึ้น ระบบส่งกำลังไฮบริดซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์สี่สูบ 2.5 ลิตรและมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว ช่วยให้สามารถสร้างพละกำลังสูงสุดได้ 215 แรงม้า (HP) โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ เมือง 43 MPG Highway 44 MPG โดยรวม 44 MPG รถรุ่นนี้ยังได้รับระบบแจ้งเตือนคนเดินเท้า
2021 Toyota Avalon ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับคุณสมบัติ Android Auto และมีการเปลี่ยนจากช่องเสียบ USB-A ไปเป็น USB-C โดยมีตัวเลือกทั้งชุดสีและเบาะนั่งตามที่ผู้ซื้อต้องการอีกด้วย
Credit : www.carscoops.com
[adsforwp id=”1302″]