ดูเหมือนจะเป็นช่วงเวลาทองของ BYD ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน ที่ล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ BYD Destroyer 05 เวอร์ชั่น 2023 ที่มีการปรับปรุงขุมกำลังใหม่ และสามารถตอบสนองการวิ่งด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ที่ไกลกว่าเดิม
[adsforwp id=”1302″]
BYD Destroyer 05 จัดเป็นผลิตภัณฑ์ในซีรี่ส์ Warship ของทางค่าย เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 โดยใช้พื้นฐานของ BYD Qin Plus มาปรับรูปแบบให้กลายเป็นรถซีดานทรงคูเป้ที่โฉบเฉี่ยวทันสมัย และให้อารมณ์ในเชิงของรถสปอร์ตครอบครัว มุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้งานที่มีอายุน้อย โดยตัวรถเวอร์ชั่นนี้ก็ยังคงใช้พื้นฐานของ BYD Qin Plus เป็นรากฐาน แต่ปรับปรุงด้วยขุมกำลังไฮบริดใหม่ที่พ่วงมากับรหัส DM-i
[adsforwp id=”1302″]
BYD Destroyer 05 ขับเคลื่อนด้วยระบบ EHS ไฮบริด DM-i ของ BYD มีตัวเลือก 2 แบบ โดยใช้พื้นฐานของเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลัง 110 แรงม้า และมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่แบ่งตามรุ่น โดยเริ่มต้นด้วยรุ่นมอเตอร์เดี่ยววางหน้า ที่จะให้กำลังรวม 180 แรงม้า และรุ่นมอเตอร์คู่ที่จะให้กำลังรวม 197 แรงม้า
จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของ Destroyer 05 คือจะมีตัวเลือกขนาดแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน โดยรุ่นเริ่มต้นจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ครอบคลุมระยะทางวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้า ไกลสูงสุด 55 กิโลเมตร ส่วนรุ่นแบตเตอรี่ความจุสูงสุด จะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 120 กิโลเมตร ซึ่งระยะทางจะเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าถึง 12.3% อีกทั้งแบตเตอรี่ยังรองรับการชาร์จเร็วกำลังไฟ 17 kw และฟังก์ชันสถานีพลังงานเคลื่อนที่ VTOL เป็นจุดแข็งที่ดึงดูดผู้ใช้งาน
ในแง่ของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนั้น Destroyer 05 มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำเป็นพิเศษที่ 3.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และในรุ่นท๊อปสุดเมื่อเติมน้ำมันและพลังงานจากแบตเตอรี่จนเต็ม จะสามารถวิ่งทำระยะได้ไกลมากถึง 1,200 กิโลเมตร ตัวรถรุ่นท๊อปจะมาพร้อมกับความสามารถในการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 7.3 วินาที
ในแง่ราคาจำหน่าย BYD Destroyer 05 เวอร์ชั่น 2023 มีราคาเริ่มต้นที่ 101,800 หยวน หรือประมาณ 497,120 บาท ลดลงจากรุ่นก่อนหน้าถึง 20,000 หยวน หรือประมาณ 97,666 บาท โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการที่คู่แข่งในตลาดเริ่มประกาศลดต้นทุนการผลิตทำให้ราคาจำหน่ายปลายทางของตัวรถเริ่มถูกลงและสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม แต่ทั้งนี้กลไกราคาที่ลดลงนั้นจะส่งผลเฉพาะในตลาดประเทศจีนเท่านั้น BYD เองยังคงใช้ผลต่างของราคาในการทำตลาดนอกประเทศเพื่อสร้างผลกำไร และดูเหมือนว่าจะสามารถกลบในส่วนที่หายไปได้อย่างสบายๆ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก carnewschina.com
[adsforwp id=”1302″]