ในโลกยานยนต์ปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายานยนต์พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่นั้น ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งในแง่ของการใช้งาน และการส่งผลกระทบต่อสถาวะแวดล้อมที่น้อยกว่า แต่มีอยู่หนึ่งผู้ผลิตที่ขยายหลักการ zero waste ไปอีกขั้น ด้วยการผลิตตัวถังรถยนต์โดยใช้พืชเป็นวัตถุดิบ
[adsforwp id=”1302″]
Liux สตาร์ทอัพสัญชาติสเปนที่เน้นเรื่อง EVs ที่ยั่งยืน นำเสนอโครงการใหม่ชื่อ Geko รถยนต์ไฟฟ้าในเมือง ที่มีจุดเด่นด้วยขนาดตัวที่เล็กกว่าและมีราคาย่อมเยากว่า ตามหลักการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบเดียวกับที่เคยนำเสนอผลิตภัณฑ์ก่อนหน้าอย่าง Animal crossover
[adsforwp id=”1302″]
Liux Geko มีสัดส่วนแบบ single-box โดยเน้นไปที่การสร้างโครงสร้างขนาดเล็กสำหรับการเดินทางระยะสั้น พร้อมรายละเอียดแบบสปอร์ต เช่นกันชนหน้าที่ออกแบบตามหลัก Aerodynamics ล้อขนาดใหญ่ และไฟ LED แบบบาง ที่ช่วยเสริมภาพรวมของตัวรถให้โดดเด่นสะดุดตา
คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของตัวรถ คือโครงสร้างแบบ monocoque ที่ใช้วัสดุคอมโพสิตชีวภาพที่ยั่งยืน ซึ่งทำจากเส้นใยลินินและเรซินชีวภาพ โดยที่ตัวถังของรถนั้นจะไม่มีการทำสี โดยจะเผยให้เห็นเส้นไยที่สานกันไปมา คล้ายกับเส้นไยคาร์บอน กระบวนการผลิตยังเกี่ยวข้องกับการพิมพ์ 3 มิติจำนวนมาก ซึ่งบริษัทอ้างว่าช่วยลดเวลาในการผลิตและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ที่เป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะโลกร้อน
ตัวรถจะมีขนาดที่เล็กกระทัดรัด โดยมีความยาว 2,700 มิลลิเมตร กว้าง 1,500 มิลลิเมตร ซึ่งจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า Citroen Ami รถยนต์ไฟฟ้าระดับโปรดักชั่นที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก โดยมีความยาวที่มากกว่า 290 มิลลิเมตร และกว้างกว่า 110 มิลลิเมตร
มาดูถึงระบบส่งกำลังกันบ้าง Geko มาพร้อมกับมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้า 20 แรงม้า (hp) ซึ่งสอดคล้องกับน้ำหนักของตัวรถที่มีน้ำหนักตัวเพียง 550 กิโลกรัม คุณสมบัติที่โดดเด่นประการหนึ่งคือชุดแบตเตอรี่แบบโมดูลาร์ขนาด 13 kWh สามารถใช้งานระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตรต่อชาร์จ โดยชุดแบตเตอรี่นี้สามารถรีไซเคิลและรองรับอนาคตสำหรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่กำลังจะมาถึง
อย่างไรก็ดี Liux Geko ยังอยู่ในขั้นตอนของการระดมทุน ยังไม่มีการผลิตตัวรถขึ้นมาอย่างเป็นทางการ โดยภาพประกอบทั้งหมดบนหน้าเว็บไซต์หลักของบริษัท ยังคงเป็นภาพประกอบที่สร้างโดยคอมพิวเตอร์ อีกทั้งบริษัทยังไม่ได้ประกาศไทม์ไลน์สำหรับการพัฒนา ดังนั้นจึงต้องรอดูว่า Geko จะผลิตจริงในอนาคตหรือไม่
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.carscoops.com
[adsforwp id=”1302″]