สามารถเรียกกระแสตอบรับได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัวในตลาดรถยนต์อเมริกามาได้สักพัก สำหรับ Honda CR-V ที่ในตลาดปัจจุบันนั้นจะเป็นรุ่นปี 2023 ที่ทำตลาดมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดทางผู้ผลิตได้ประกาศเพิ่มตัวเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคด้วยการเสริมรุ่นใหม่ Sport-L ที่มาพร้อมกับชุดแต่งและขุมกำลัง hybrid e:HEV ของทางค่าย
[adsforwp id=”1302″]
Honda CR-V รุ่น Sport-L นั้นจะเข้ามาอุดช่องว่างระหว่างเกรด EX-L และ Sport Touring โดยจะมาพร้อมกับระดับการตกแต่งใหม่มีการตกแต่งภายนอกด้วยสีดำเงา ท่อไอเสียทรงสี่เหลี่ยม และล้อสีดำขนาด 18 นิ้วห้องโดยสารมาพร้อมเบาะหนังมาตรฐาน เก้าอี้ผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า และประตูท้ายไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 9.0 นิ้วพร้อมรองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto แท่นชาร์จไร้สาย และลำโพงสเตอริโอ 8 ตัว
[adsforwp id=”1302″]
ในส่วนของระบบส่งกำลังนั้น จะมาพร้อมกับขุมกำลัง Hybrid e:HEV 2.0 ลิตรพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวให้กำลังรวมของระบบ 204 แรงม้า (HP) พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 247 Ib-Ft
ตามรายงานของ Honda ได้เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2022 ที่ผ่านมานั้น บริษัทได้ส่งมอบ CR-V จำนวน 238,155 คันสู่ผู้บริโภค ซึ่งมีอัตราส่วนลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2021 คิดเป็น 34.1 เปอร์เซ็นต์ แต่สถานการณ์กลับสวนทางกันกับรุ่นใหม่ที่เปิดตัวเมื่อช่วงปลายปี 2022 และเริ่มจำหน่ายในช่วงเดือนกุมภาพันธที่ผ่านมา ตัวรถ CR-V รุ่นใหม่ กลับมายอดขายในเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียว มากถึง 132,538 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 41.4 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2022 จึงมองได้ว่าตัวรถได้กลับมารับความนิยมอีกครั้ง หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่
อย่างไรก็ตาม หลังจากการประกาศการตัดเกรดรถรุ่นใหม่แล้ว ทางผู้ผลิตยังมีการเปิดเผยในเรื่องของราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยจะมีด้วยกันอีก 2 รุ่นย่อย ซึ่งแบ่งตามระบบขับเคลื่อน โดยจะมีรุ่น Sport-L 2WD จำหน่ายในราคา 37,645 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 1.299 ล้านบาท และรุ่น Sport-L 4WD จำหน่ายในราคา 39,145 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 1.351 ล้านบาท
นอกจากนี้ ทางผู้ผลิตยังมีประกาศเสริมว่าราคาใหม่ของตัวรถในรุ่นปี 2024 นั้นจะเพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย โดยรุ่นเริ่มต้นในเกรด LX (2WD) ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร นั้น จะมีการปรับราคาขึ้นจากรุ่นปี 2023 1,090 ดอลล่าร์ คิดเป็นเงินไทยที่ 37,627 บาท แต่ในรุ่นที่เกรดสูงขึ้น กลับมีราคาส่วนต่างที่น้อยกว่ารุ่นเริ่มต้น เช่นในเกรด Sport Touring เกรดสูงสุดของไลน์อัพ จะมีส่วนต่างของราคาเพิ่มขึ้น 400 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 13,810 บาท ด้วยกัน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motor1.com
[adsforwp id=”1302″]