กลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้งเมื่อซีอีโอสายเฟี้ยสอย่าง Elon Musk ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อเกี่ยวกับการมองหาช่องทางในการลดราคาผลิตภัณฑ์ของ Tesla อีกครั้งหลังจากที่ทำมาก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าการลดราคาในครั้งนี้จะก่อให้เกิดการเสี่ยงต่อการบีบอัตรากำไรของบริษัทเองก็ตาม
[adsforwp id=”1302″]
เมื่อปลายปี 2022 ที่ผ่านมา Tesla ได้เขย่าวงการยานยนต์ครั้งใหญ่ ด้วยการประกาศลดราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทในตลาดอเมริกา จีน และยุโรป ซึ่งผลิตรถยนต์ได้ลดราคาลงหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่นั้นมา แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในช่วงฤดูร้อนนี้ บริษัทจะยังทรงตัวในแง่ของผลกำไร ที่ได้ปริมาณเข้ามาถมจากยอดกำไรที่หดหายไปจากการลดราคาในครั้งนี้
[adsforwp id=”1302″]
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Elon Musk ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ได้นั่งวิเคราะห์ร่วมกับนักวิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจโลก ว่า ณ ตอนนี้ โลกกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ปั่นป่วน และบางครั้งก็ต้องมีการตัดสินใจที่ยากลำบาก”วันหนึ่งดูเหมือนเศรษฐกิจโลกจะพัง วันหน้าก็สบาย ไม่รู้ว่าเกิดบ้าอะไรขึ้น เราคงเรียกว่า Turbulent Times ผมคิดว่ามันสมเหตุสมผลแล้วที่จะยอมเสียสละส่วนต่างเพื่อหันมาผลิตรถยนต์มากขึ้น”
จากการเปิดเผยบทสัมภาษณ์นี้ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทตกลงเกือบ 5 เปอร์เซ็นต์ในแทบจะทันที จากการคำนวณของ Reuters อัตรากำไรขั้นต้นสำหรับยานยนต์รายไตรมาสของผู้ผลิต EV ซึ่งไม่รวมสินเชื่อตามกฎข้อบังคับ ลดลงเหลือ 18.1 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่สองจาก 19 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรก ในขณะที่เป็นไปตามประมาณการของ Wall Street แต่ก็ยังห่างไกลจาก 26 เปอร์เซ็นต์ที่บริษัทรายงานเมื่อปีที่แล้ว
Tesla รายงานอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมสำหรับช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนที่ 18.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 16 ไตรมาส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดราคา ในปีนี้บริษัทได้ลดราคารถยนต์รุ่น Model Y ซึ่งเป็นรถที่ขายดีที่สุดในสหรัฐลงหนึ่งไตรมาส โดยลดลงมาอยู่ที่ 50,490 ดอลลาร์ (1.73 ล้านบาท)
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Tesla ได้กล่าวในแถลงการณ์ว่ากำลังมุ่งเน้นไปที่การลดต้นทุนและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเสริมว่า “ความท้าทายของช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเหล่านี้ยังไม่สิ้นสุด” บริษัทย้ำถึงความคาดหวังในการส่งมอบรถยนต์ประมาณ 1.8 ล้านคันในปีนี้ แต่เตือนว่าการผลิตในไตรมาสที่สามจะลดลงเล็กน้อยเนื่องจากการหยุดทำงานตามแผนสำหรับการอัพเกรดโรงงาน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก insideevs.com
[adsforwp id=”1302″]