Subaru Japan ได้ทำการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Levorg ในประเทศ ด้วยการเพิ่มรุ่นใหม่ Levorg Layback ที่มีความพิเศษด้วยการเพิ่มระยะห่างจากพื้นเพิ่มขึ้นจากรุ่นมาตรฐาน และชุดตัวถังที่ออกแบบใหม่พร้อมสไตล์แบบครอสโอเวอร์
[adsforwp id=”1302″]
Subaru Levorg Layback จะถูกวางตำแหน่งให้อยู่ระหว่าง Crosstrek และ Outback ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในหมวดหมู่ของรถ SUV อย่างไรก็ตาม ตามที่แนะนำโดยชื่อและการออกแบบภายนอก มันเป็นข้อเสนอที่เน้นความสะดวกสบายมากกว่า ซึ่งดูจะถูกวางให้ใช้งานในเชิงออฟโรดที่น้อยกว่ารุ่นที่กล่าวมาข้างต้น
[adsforwp id=”1302″]
การเปลี่ยนแปลงสไตล์เมื่อเปรียบเทียบกับ Levorg จะเน้นไปที่รูปลักษณ์ใหม่ โดยมีเส้นสายที่นุ่มนวลขึ้นรอบๆ กันชน และกระจังหน้าที่กว้างขึ้นพร้อมส่วนเสริมสไตล์อะลูมิเนียมและรูปแบบใหม่ นอกจากนี้ ยังมีการหุ้มพลาสติกบริเวณส่วนล่างของตัวถัง รอบซุ้มล้อ และล้ออัลลอยชุดใหม่ขนาด 18 นิ้วหุ้มด้วยยางขนาด 225/55R18 ที่หนาขึ้นเล็กน้อย
ตัวรถจะมีขนาด 4770/1820/1570 ซึ่งจะมีความยาวที่มากกว่ารุ่นมาตรฐาน 15 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 25 มิลลิเมตร และสูงกวารุ่นมาตรฐาน 70 มิลลิเมตร โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการออกแบบตัวถังใหม่และระบบกันสะเทือนที่ยกขึ้นที่สำคัญกว่านั้น ระยะห่างจากพื้นดินเพิ่มขึ้น 55 มิลลิเมตร ทำให้สามารถขับขี่บนภูมิประเทศที่ขรุขระยิ่งขึ้นเมื่อรวมกับความสามารถ AWD ของตัวรถ
ในส่วนของระบบส่งกำลังนั้น จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์เทอร์โบชาร์จขนาด 1.8 ลิตรที่ให้พละกำลัง 174 แรงม้า (hp) และแรงบิด 300 นิวตันเมตร เช่นเดียวกับใน Levorg มาตรฐาน ส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ผ่านชุดเกียร์ CVT Lineatronic และระบบ Symmetrical AWD ของบริษัท
ภายในห้องโดยสาร โดดเด่นด้วยเบาะนั่งแบบทูโทนใหม่ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบผ้าหรือหนังขึ้นอยู่กับการตกแต่ง ผสมผสานกับการเย็บสีทองแดงบนพวงมาลัยและแผงหน้าปัดหุ้มหนัง อุปกรณ์ต่างๆ จะพบกับหน้าจอส่วนคนขับขนาด 12.3 นิ้ว และจออินโฟเทนเมนต์ทัชสกรีนขนาด 11.6 นิ้ว ระบบไฟส่องสว่างโดยรอบ ระบบเสียง Harman Kardon ซันรูฟ และแพ็คเกจ Eyesight X ADAS ล่าสุดของ Subaru ส่วนท้ายจะมีส่วนสำหรับบรรทุกสัมภาระขนาด 561 ลิตร
Subaru ไม่ได้ประกาศราคาสำหรับ Levorg Layback แต่เราคาดว่ามันจะมีราคาที่สูงกว่ารุ่นมาตรฐานอย่างไม่ต้องสงสัย ยังไม่ชัดเจนว่าโมเดลรุ่นดังกล่าวจะถูกส่งออกไปยังตลาดอื่นๆในอนาคตหรือไม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าตัวรถจะถูกส่งออกไปทำตลาดโดยเฉพาะโซนยุโรปและอเมริกา ส่วนตลาดเอเชียคงต้องรอลุ้นกันต่อไป
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.carscoops.com
[adsforwp id=”1302″]