ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ และมีการแข่งขันทางการตลาดที่สูงมาก ซึ่งตลาดรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลในปัจจุบัน ก็มีแบรนด์ผู้ผลิตในประเทศ ที่เริ่มมีเทคโนโลยีที่ทัดเทียมกับผู้ผลิตในระดับสากล และดูเหมือนว่าผลกระทบนี้จะส่งผลต่อแบรนด์ใหญ่หลายๆ แบนด์ ไม่ต่างจาก Mitsubishi ที่กำลังตกเป็นข่าวในประเด็นร้อน
[adsforwp id=”1302″]
สถานการณ์นี้ส่งผลเสียต่อ Mitsubishi มากจนเห็นได้ชัดว่าได้ตัดสินใจยุติการผลิตในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก Nikkei Asia รายงานว่าบริษัทต้องการถอนการลงทุนในการร่วมทุนในท้องถิ่นกับ Guangzhou Automobile Group โดยส่วนหนึ่งเกิดจากยอดขายลดลง 60 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปี 2022 และยังคงต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
[adsforwp id=”1302″]
GAC Mitsubishi Motors ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 ในฐานะบริษัทร่วมทุนระหว่างทั้งสองบริษัท โดยสถิติสูงสุดของยอดขายคือ 140,000 คัน ซึ่งก็ต้องย้อนกลับไปในปี 2018 ซึ่งเมื่อนำมาเป็นบรรทัดฐานในการเปรียบเทียบแล้ว การส่งมอบให้กับลูกค้าลดลงเหลือ 38,550 คัน หรือลดลงประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2021 การผลิตที่โรงงานในจังหวัด Human หยุดลงในเดือนมีนาคม 2023 และเห็นได้ชัดว่า Mitsubishi ไม่มีความตั้งใจที่จะกลับมาดำเนินการอีกครั้ง
โรงงานแห่งนี้จะไม่ปิดตัวลงเนื่องจาก GAC มีแนวโน้มที่จะใช้โรงงานแห่งนี้เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนถือหุ้นร้อยละ 50 ในบริษัทร่วมทุน ขณะที่ Mitsubishi Motors ถือหุ้นร้อยละ 30 ส่วนที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์เป็นของบริษัทการค้า Mitsubishi Corp จากข้อมูลของ Nikkei Asia นั้น GAC Mitsubishi จะยังคงดำรงอยู่ในฐานะนิติบุคคล แต่บริษัท Mitsubishi ทั้งสองกำลังถอนการลงทุนออกไป
มีรายงานว่าเงินทุนดังกล่าวจะถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังการดำเนินงานในตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย เนื่องจากภูมิภาคเหล่านี้คิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของยอดขายต่อปี ซึ่งทาง Mitsubishi เองก็ไม่ใช่ผู้ผลิตเพียงเจ้าเดียวที่ได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของผู้ผลิตในประเทศจีน โดยภาพรวมแล้วผู้ผลิตจากประเทศญี่ปุ่นเองยังคงถือครอง 18.3 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรวมทั้งหมดในปี 2022 ซึ่งลดลง 2.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2021
อย่างไรก็ตาม Mitsubishi ยังคงยุ่งอยู่กับตลาดภูมิภาคอื่นๆ ในปีนี้ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีเรือธงอย่าง L200 / Triton และยังมี Xforce รถครอสโอเวอร์ขนาดเล็กสำหรับตลาดอาเซี่ยน เอเชียใต้ ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และยังคงเดินหน้าในตลาดยุโรปร่วมกับบริษัท Renault ละการทำตลาดในประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นตลาดหลักเช่นเดิมต่อไป
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motor1.com
[adsforwp id=”1302″]