Avatr แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหน้าใหม่จากประเทศจีน กำลังตกเป็นข่าวใหญ่หลังจากมีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ เปิดเผยว่าตัวแบรนด์กำลังจะมีความเป็นไปได้ในการเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศ นอกเหนือจากประเทศจีน ซึ่งหนึ่งในประเทศที่กำลังตกเป็นเป้าหมายคือประเทศไทย
[adsforwp id=”1302″]
หลังจากการประกาศเปิดตัวบริษัท Changan Thailand ด้วยเงินจดทะเบียนที่สูงถึง 4.4 พันล้านบาท ก็เริ่มมีกระแสข่าวว่าทางเบรนด์จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จนกระทั่งล่าสุด ก็มีกระแสข่าวว่าทางแบรนด์มีความเป็นไปได้ที่จะแบรนด์ Avatr ซึ่งเป็นแบรนด์ความร่วมมือของ Changan, Huawei และ CATL และมีการเชื่อมโยงกับ Avatr 11 โมเดลเอสยูวีที่เปิดตัวมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมในประเทศจีน ที่ถูกตั้งเป้าว่าจะเป็นโมเดลนำร่องในการทำตลาดครั้งนี้
[adsforwp id=”1302″]
โดยเจ้า Avatr 11 นั้น ถูกวางให้เป็นรถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าขนาดกลาง ถูกสร้างขึ้นโดยใช้แพลตฟอร์มไฟฟ้า CHN มาพร้อมกับโซลูชันรถยนต์อัจฉริยะ full-stack จาก Huawei และแหล่งพลังงานที่ถูกพัฒนาโดย CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน
โดยตัวรถถือว่าเป็นยานยนต์อัจฉนิยะที่มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Huawei HarmonyOS 4.0 และระบบความปลอดภัยขึ้นสูง ADS 2.0 รองรับการขับขี่อัตโนมัติบนทางหลวง ซึ่งล่าสุดได้มีการพัฒนาไปสู่การขับขี่อัตโนมัติบางส่วนในเมืองแล้ว และมีแนวทางที่จะพัฒนาให้ครอบคลุมการใช้งานที่มากขึ้นกว่านี้ในอนาคต โดยระบบจะทำงานผ่านเซนเซอร์ 34 ตัวที่ติดตั้งอยู่รอบคัน และยังเป็นหัวใจหลักของการทำงานระบบ ADS 2.0 ที่มีระบบ collision avoidance, lane change, autonomous parking assist, remote parking assist และ valet parking assist
ไฮไลท์สำคัญของระบบ ADS 2.0 คือคุณสมบัติการเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขั้นสูงที่เรียกว่า GAEB ที่พัฒนาขึ้นบนเครือข่าย GOD (การตรวจจับสิ่งกีดขวางทั่วไป) ของ Huawei ซึ่งช่วยให้ยานพาหนะสามารถตรวจจับวัตถุ เช่น ต้นไม้ที่ล้มและก้อนหินได้ นอกจากนี้ Huawei อ้างว่าระบบนี้สามารถจัดการการกลับรถที่ทางแยก วงเวียน และเขตก่อสร้างในเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภายในห้องโดยสารจะพบกับหน้าจอส่วนกลางขนาดใหญ่ถึง 15.6 นิ้วรองรับฟังก์ชันการแบ่งหน้าจอเพื่อเปิดหลายหน้าต่าง เช่น การนำทาง เกม และวิดีโอ นอกจากนี้ หน้าต่างจากหน้าจอควบคุมส่วนกลางสามารถ ‘เลื่อน’ เพื่อแสดงบนหน้าจอส่วนผู้โดยสารด้านหน้าได้ระบบยังสามารถจดจำคำสั่งเสียงที่ออกโดยผู้โดยสารได้อีกด้วย
วัสดุในการตกแต่งห้องโดยสารนั้น เบาะนั่งจะผลิตจากหนัง Nappa โดยที่เบาะนั่งคู่หน้าจะมีระบบปรับความร้อนและการระบายอากาศที่ช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย ไฟส่องสว่างโดยรอบได้รับการอัพเกรดให้สามารถแสดงสีได้สูงสุด 256 สี เพดานปูด้วยวัสดุหนังกลับ และช่องรับแสงแบบพาโนราม่า เพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของระบบส่งกำลังนั้น จะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแรงสูง DriveONE ของ Huawei ที่สามารถติดตั้งได้ทั้งมอเตอร์เดี่ยวและมอเตอร์คู่ หากจะติดตั้งมอเตอร์เดี่ยวจะได้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังมีกำลังสูงสุด 230 แรงม้า (kw) แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะใช้เวลา 6.6 วินาที ในขณะที่แบตเตอรี่จะสามารถรองรับระยะทางสูงสุดได้ 730 กิโลเมตรต่อชาร์จ ส่วนรุ่นมอเตอร์คู่นั้น จะมีกำลังสูงสุด 425 แรงม้า (kw) แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 3.9 วินาที และมีระยะทางวิ่งสูงสุด 700 กิโลเมตร (CLTC)
สุดท้าย การเปิดตัวในประเทศจีนของ Avatr 11 เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั้น ตัวรถจะถูกวางราคาเริ่มต้นที่ 300,000 หยวน หรือประมาณ 1.51 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มรถยนต์ที่อยู่ในระดับ Premium ที่ตั้งเป้าเพื่อแข่งขันกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากฝั่งยุโรปโดยตรง หากเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย และมีการประกอบด้วยโรงงานในประเทศ มูลค่าของตัวรถที่จะวางจำหน่ายก็มีความเป็นไปได้ที่จะไม่ห่างจากเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในประเทศจีน แต่คงเป็นไปได้ยากที่ราคาจะต่ำกว่าหรือเท่ากัน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก .carnewschina.com
[adsforwp id=”1302″]