ระบบ DM-i รุ่นที่ห้าของ BYD ที่พึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ บนผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง BYD Qin L DM-i ซีดานสุดหรูแต่ราคาเข้าถึงง่าย และ Seal 06 DM-i คอมแพ็คซีดานที่เจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งดูเหมือนจะมีความลึกลับมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ของใหม่บนผลิตภัณฑ์
โดยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีบทความหลายเรื่อง จากหลายสำนักจากประเทศจีน ที่ออกมาเปิดเผยความลับของระบบ DM-i ใหม่นี้ และเราก็ได้รวบรวมมาให้ท่านผู้อ่าน ได้ทำความเข้าใจแบบเบื้องต้น โดยเริ่มต้นจากบทความของ Fast Technology ที่อ้างอิงโพสต์ WeChat โดย Jia Haonan ซึ่งเขาสรุปสิ่งที่สถาบันหลายแห่งเชื่อว่าเป็นระบบ DM-i รุ่นที่ห้าของ BYD เหตุผลของความเชื่อนี้คือสิทธิบัตรระบบไฮบริดที่เปิดเผยโดยบริษัทเอง ดูเหมือนจะมีการอัพเกรดที่สำคัญสามประการ ประการแรกคือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสามารถใช้เป็นมอเตอร์ขับเคลื่อนได้ และมอเตอร์ขับเคลื่อนสามารถใช้เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าได้ นอกจากนี้ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า มอเตอร์ขับเคลื่อน และระบบเกียร์ทั้งหมดก็รวมเป็นหนึ่งเดียว
ประการที่สอง ระบบใช้คลัตช์คู่เพื่อควบคุมโหมดการทำงานแทนที่จะใช้เกียร์ความเร็วเดียวเหมือนในรุ่นเก่า ระบบ DM ของ BYD เป็นระบบไฮบริดแบบอนุกรม-ขนานที่มอเตอร์ไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์สามารถส่งกำลังให้กับรถยนต์ได้ ในระบบดั้งเดิมทั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและเครื่องยนต์เชื่อมต่อกันโดยตรงผ่านชุดเกียร์ หากเครื่องยนต์ไม่ทำงาน มอเตอร์ P1 จะทำงาน ซึ่งเทียบเท่ากับมอเตอร์ P1 ที่ขับเคลื่อนล้อไปพร้อมๆ กัน และยังทำให้ประสิทธิภาพการส่งผ่านลดลงอีกด้วย บทความนี้กล่าวว่าเป็นเหตุผลว่าทำไมมอเตอร์ P1 ไม่ค่อยมีส่วนร่วมในเอาท์พุตภายใต้โครงสร้างอนุกรม-ขนานแบบดั้งเดิม
จากการวิเคราะห์พบว่า บทความนี้กล่าวว่าเป็นเหตุผลว่าทำไมมอเตอร์ P1 ไม่ค่อยมีส่วนร่วมในเอาท์พุตภายใต้โครงสร้างอนุกรม-ขนานแบบดั้งเดิม หมายความว่า P1 สามารถขับเคลื่อนแยกกันหรือเครื่องยนต์สามารถผลิตไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ P1 ได้โดยตรง เนื่องจากมอเตอร์ P1 ไม่มีกำลังมากนัก จึงประหยัดพลังงานได้มากเมื่อขับเคลื่อนโดยตรง อย่างไรก็ตาม หาก C1 ถูกตัดการเชื่อมต่อจาก C0 แล้ว P3 ก็จะมีส่วนร่วมในเอาต์พุตด้วย สิ่งนี้จะสร้างระบบขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยมอเตอร์คู่ซึ่งช่วยเพิ่มระดับกำลังในโหมดไฟฟ้าทั้งหมดได้อย่างมาก
ภายใต้โหมดไฮบริด C1 และ C0 จะรวมกันและมีแหล่งพลังงานสามแหล่ง ด้วยเหตุนี้กำลังและแรงบิดของระบบจึงสูงขึ้นซึ่งหมายความว่า ในช่วงของการเร่งความเร็วจะเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม Jia เชื่อว่า BYD กำลังใช้กลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการใช้พลังงานมากกว่าประสิทธิภาพสูงสุด
ประการที่สามซึ่งเป็นนวัตกรรมสุดท้ายคือระบบเกียร์ double planetary gear system ซึ่งผู้เขียนบทความหลายๆ เจ้าเชื่อว่ามีความสำคัญที่สุด ภายใต้ระบบไฮบริดของ BYD รุ่นก่อน เครื่องยนต์ส่วนใหญ่จะทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าโดยมีมอเตอร์ขับเคลื่อนรถยนต์ เครื่องยนต์ที่ใช้ขับเคลื่อนรถยนต์โดยตรงหรือขับเคลื่อนแบบขนานภายใต้ความเร็วสูงหรือเร่งความเร็วเท่านั้น
แม้ว่าจะทำได้ค่อนข้างง่ายและมีราคาต้นทุนการผลิตที่ต่ำ แต่ปัญหาคือเมื่อมอเตอร์ขับเคลื่อนโดยตรง รถจะไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ มีอันตรายที่พลังงานของแบตเตอรี่จะลดลงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เสี่ยงต่อการหยุดทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ผู้ขับขี่มีลักษณะการขับขี่แบบดุดัน ซึ่งมักจะเร่งความเร็วและแซงบ่อยครั้ง หรือในกรณีที่ต้องปีนขึ้นเนินเป็นเวลานาน
ระบบเกียร์ double planetary gear system ช่วยแก้ปัญหานี้โดยการโอนกำลังเครื่องยนต์บางส่วนเพื่อใช้งานตามปกติ ขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนล้อต่อไป ข้อดีเพิ่มเติมคือสามารถลดระดับเสียงได้ ความแรงของการเชื่อมต่อดีขึ้นพร้อมกับประสิทธิภาพของการส่งผ่านด้วยโครงสร้างของระบบเกียร์ ซึ่งจะมีการตั้งค่าระบบมีความยืดหยุ่นมากกว่ารูปแบบไฮบริดแบบอนุกรม-ขนานรุ่นก่อนๆ
ด้วยการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ Jia อ้างว่าระบบ DM-i รุ่นที่ห้าจาก BYD จัดการเพื่อให้บรรลุประสิทธิภาพสูงสุด แน่นอนว่า BYD ดูเหมือนจะก้าวไปสู่เทคโนโลยี PHEV ที่แข็งแกร่งมากกว่า ผู้ผลิตรายอื่นๆ ซึ่งจะรู้ผลได้อย่างชัดเจน เมื่อเราได้ทดลองขับขี่มันอย่างจริงจัง แต่ก็น่าเสียดายเล็กๆ ที่แผนงานของ BYD ในประเทศไทย ดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอยานยนต์ BEV มากกว่า แต่ในอนาคตอันไกลนี้ ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ อาจจะมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ระบบ DM-i เปิดตัวในประเทศไทยบ้างก็เป็นไปได้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก carnewschina.com