GAC ต้นสังกัดของแบรนด์ Aion ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ในการเปิดตัว Aion Hyper GT ที่กำลังจะเพิ่มรุ่น “Global Model” ที่จะใช้ในการทำตลาดในระดับสากล โดยจะมาพร้อมกับแพลตฟอร์ม 800V ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง และระยะทาง 710 กิโลเมตรต่อชาร์จ
ก่อนหน้านี้ที่งาน GAC Technology Day บริษัท GAC ได้เปิดตัวโซลูชันเทคโนโลยี Mapless Intelligent Driving และ Hyper GT รุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มแรกที่ติดตั้งโซลูชันนี้ ก่อนหน้านี้ Mapless Intelligent Driving ของ Hyper ได้รับการทดสอบบนถนนในมิลาน กรุงเทพฯ และฮ่องกง ดูจากชื่อ “Global Model” รถรุ่นนี้อาจจะเปิดตัวในตลาดต่างประเทศพร้อมกับเปิดตัวในจีนก็ได้
Hyper GT เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 2023 เพื่อแข่งขันกับ Tesla Model 3 และยังเป็นโมเดลแบบถอดแบตเตอรี่ได้รุ่นแรกของแบรนด์อีกด้วย Hyper GT นั้นสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม AEP 3.0 ของ GAC ซึ่งวางตำแหน่งเป็นซีดานขนาดกลาง โดยมีขนาด 4886/1885/1449 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2920 มิลลิเมตร กำลังมาจากมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังที่ให้กำลัง 250 แรงม้า (kw) และแรงบิด 434 นิวตันเมตร โดยมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 4.9 วินาที
อีกหนึ่งไฮไลท์ของตัวรถ Hyper GT ก็คือการออกแบบที่อาจจะมีความใกล้เคียงวกับรถซีดานทั่วๆ ไป แต่ประสิทธิภาพนั้นกลับทัดเทียมกับรถยนต์ในระดับซุปเปอร์คาร์ โดดเด่นด้วยประตูแบบ Scissor Doors และการออกแบบที่อิงตามหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งส่งผลให้ตัวรถมีค่าสัมประสิทธิ์การลากที่ 0.197Cd ซึ่งถือว่าน่าประทับใจอย่างมาก
ด้วยการประกาศโมเดลระดับโลกนี้ จึงไม่ยากที่จะเห็นว่า GAC ต้องการขยายตลาดในต่างประเทศ เมื่อเร็วๆ นี้ ชุมชนยานยนต์ของจีนกำลังหารือเกี่ยวกับการสรรหาทีมงาน Superchargeing ของ Tesla ที่ถูกเลิกจ้าง โดยมี GAC ในสหรัฐอเมริการับหน้าที่หน้าสื่อในการติดตามทีมงาน โดยส่วนหนึ่งเพื่อขยายเครือข่ายการชาร์จในตลาดต่างประเทศ
ในเดือนเมษายน GAC Aion ขายรถยนต์ได้ 28,113 คัน ลดลง 31.45% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยเฉพาะยอดขายรวมของ Hyper ทั้ง 3 รุ่นอยู่ที่กว่า 1,000 คัน โดยรุ่นที่ขายดีที่สุดคือ Hyper GT แม้จะมียอดขายเพียง 584 คันในเดือนเมษายน ลดลง 43% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน
การขยับตัวอีกครั้งของ GAC ในครั้งนี้อาจจะเป็นการวัดดวงกับตลาดที่ใหญ่ขึ้น ไม่แน่ว่าการก้าวออกจากเขตปลอดภัยของตนเอง อาจจะสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ให้กับตัวแบรนด์เอง ซึ่งอาจจะส่งผลกับความเป็นอยู่ของแบรนด์ในอนาคตได้ ส่วนการเปิดตัวในประเทศไทยนั้น จะเกิดขึ้นด้วยหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก carnewschina.com