เมื่อต้นปี 2023 ที่ผ่านมา Mini Cooper รุ่นใหม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และเป็นยานยนต์ในรูปแบบ BEV ซึ่งต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ ทางต้นสังกัดก็ได้ปล่อยโมเดลที่ใช้งานเครื่องยนต์ ICE ออกมา ซึ่งทั้งสองรุ่นนั้นจะถูกนำเสนอในรูปแบบของรถยนต์ขนาดเล็ก 3 ประตู และล่าสุดบริษัทก็ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับรูปแบบ 5 ประตู ที่มีขนาดที่ยาวกว่าเล็กน้อย
Mini Cooper รุ่น 5 ประตูใหม่นั้น จะมีระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น 2.8 นิ้ว และขยายตัวถังให้ยาวขึ้นเกือบ 7 นิ้ว ซึ่งทางผู้ผลิตได้เปิดเผยว่า พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังจะมีขนาด 32.6 ลูกบาศก์ฟุต เมื่อพับเบาะนั่งแถวหลังลง โดยจะเพิ่มขึ้นจากรุ่น 3 ประตู ที่เมื่อพับเบาะแถวหลังแล้วจะมีพื้นที่ 28.2 ลูกบาศก์ฟุต พอจะอนุมานได้ว่าพื้นที่ห้องโดยสารจะมีการขยายตัวมากกว่ารุ่น 3 ประตู ซึ่งหมายความว่าพื้นที่ Legroom ของรุ่น 5 ประตูจะต้องกว้างกว่า รุ่น 3 ประตู
จุดเด่นของตัวรถ Mini Cooper ยังคงอยู่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นแผงหน้า ระบบไฟ LED รุ่นมาตรฐานทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ติดตั้งแบบฝังเรียบไปกับตัวรถมีการเสนอระดับการตัดแต่งสี่ระดับ เสริมด้วย JCW ที่เพิ่มการอัพเกรดแบบสปอร์ตเช่น ดิฟฟิวเซอร์และขอบสีดำ เป็นต้น
นอกจากพื้นที่ภายในที่มากขึ้นเล็กน้อยแล้ว ภายในห้องโดยสารจะได้พบกับดีไซน์มินิมอลลิสต์ ด้วยจอแสดงผลกลางทรงกลมขนาด 9.4 นิ้ว โหมด Mini Experience เติมเต็มห้องโดยสารด้วยตัวเลือกแสดงและการแสดงผลที่หลากหลาย รวมถึงภาพถ่ายที่กำหนดเองบนหน้าจอที่สามารถเลือกได้ Parking Assistant Plus มีกล้องภายนอกสี่ตัวและเซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถ Mini ที่ใหญ่กว่าได้ในที่แคบ
ตัวรถมีให้เลือกใช้งาน 2 รุ่น ประกอบด้วย Cooper C รุ่นพื้นฐานมีเครื่องยนต์สามสูบเทอร์โบชาร์จขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลัง 154 แรงม้า (hp) แรงบิดสูงสุด 170 Ib-Ft อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะอยู่ที่ 8.0 วินาที ในขณะที่รุ่นท๊อป Cooper S จะมาพร้อมกับขุมกำลัง 4 ลูกสูบเรียงเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลัง 201 แรงม้า (hp) และแรงบิด 221 Ib-Ft อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะอยู่ที่ 6.8 วินาที
ยังไม่มีการเปิดเผยเรื่องของราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่มีรายงานว่า Mini Cooper รุ่น S จะมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย สำหรับตลาดนอกยุโรป โดยจะมีการปรับเปลี่ยนในส่วนของพละกำลัง และอุปกรณ์ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานในแต่ล่ะภูมิภาค ส่วนจะเปิดตัวและทำตลาดในประเทศไทยหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motor1.com