หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในตลาดอเมริกาเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา Ford Maverick รถกระบะขนาดเล็ก ที่เป็นการสวนกระแสความนิยมของรถกระบะในอเมริกา ที่มักจะนิยมรถกระบะขนาดใหญ่ แต่การแทงสวนครั้งนี้ กลายเป็นตลาดใหม่ที่สร้างผลกำไรแบบเกินคาดให้กับบริษัท และโมเดลใหม่ล่าสุดในครั้งหลังของปี 2024 จะมาพร้อมกับตัวเลือกระบบส่งกำลังแบบไฮบริด และระบบขับเคลื่อนแบบ AWD
Ford Maverick 2025 มาพร้อมการปรับปรุงและอัปเกรดใหม่มากมาย โดยเป็นการนำเอาคำติชมของผู้ใช้งานรุ่นแรก ที่จำหน่ายไปได้มากกว่า 250,000 คัน เฉพาะในอเมริกาเหนือ โดยการรวบรวมของติ่งจากผู้ใช้งานจำนวนมากพบว่า ความต้องการสูงสุดของผู้บริโภคคือ Maverick รุ่นไฮบริด ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งทางผู้ผลิตก็ไม่สวนกระแสอีกต่อไป และได้จัดระบบส่งกำลังแบบไฮบริดไว้บนรุ่น XL, XLT และ Lariat ซึ่งจะมอบการยึดเกาะในทุกสภาพอากาศโดยไม่กระทบต่อความประหยัดน้ำมัน ไฮบริดขับเคลื่อนล้อหน้าได้รับการจัดอันดับจาก EPA ที่ 42 mpg บนทางหลวง และบริษัทกล่าวว่าตั้งเป้าไว้ที่ 40 mpg สำหรับรุ่น AWD
Maverick ไฮบริด จะมาพร้อมกับขุมกำลังมาตรฐาน 2.5 ลิตรไฮบริด เป็นหัวใจสำคัญของรถบรรทุกขนาดกะทัดรัดเนื่องจากความต้องการตัวเลือกประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด Ford จึงขึ้นราคาไฮบริดอย่างเงียบๆ เพื่อให้เท่ากับ EcoBoost 2.0 ลิตรระดับพรีเมียมในปี 2023 ภายในปี 2024 ความต้องการยังคงสูงมากจน Ford เปลี่ยนแปลงแนวทางโดยสิ้นเชิง โดยทำให้ EcoBoost เป็นอุปกรณ์มาตรฐานและไฮบริดเป็นระบบส่งกำลังแบบพรีเมียม โดยเจ้าขุมกำลังไฮบริด 2.5 ลิตรนี้ จะมีกำลังสูงสุด 191 แรงม้า (HP) พร้อมกับแรงบิด 155 lb-ft
ปัญหาจากรุ่นก่อนหน้านั้น ตัวรถจะมีภายนอกของทุกรุ่นก็ดูเหมือนกันเกือบทั้งหมด นอกเหนือจากล้อและตราสัญลักษณ์บังโคลนแล้ว การแยกความแตกต่างระหว่างรุ่นพื้นฐาน XL และรุ่นท็อป Lariat นั้นเป็นเรื่องยาก แต่ในรุ่นปี 2025 Ford ได้ แก้ไขปัญหานี้ โดยติดตั้งกระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะให้กับแต่ละรุ่น กันชนหน้าได้รับการปรับปรุงเช่นกัน รวมถึงไฟหน้า LED ขณะที่รุ่นที่มีการตกแต่งสูงกว่าจะมาพร้อมโปรเจ็กเตอร์ LED และไฟตกแต่งเพื่อความรู้สึกพรีเมียมยิ่งขึ้น รุ่น Lariat ยังมาพร้อมล้อขนาด 19 นิ้วใหม่อีกด้วย
ความแตกต่างของการตกแต่งยังคงดำเนินต่อไปภายในด้วยสีสันและวัสดุใหม่ทั่วทั้งประตู แผงหน้าปัด คอนโซล และเบาะนั่ง สีส้มที่เคยใช้ในรุ่น XLT ได้ถูกแทนที่ด้วยสี Grabber Blue รุ่น Lariat เพิ่มธีม Smoke Truffle พร้อมสีบรอนซ์ แพ็คเกจ Black Appearance ซึ่งมีให้เลือกในรุ่น XLT และ Lariat มาพร้อมกระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ หลังคาสีดำ ตราสัญลักษณ์ Ford สีดำ และล้อขนาด 19 นิ้วที่เป็นเอกลักษณ์
อุปกรณ์ภายในห้องโดยสารจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ โดยมีหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ขึ้น 13.2 นิ้ว จอแสดงผลใหม่นี้มาพร้อมกับแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 8.0 นิ้ว ระบบนี้ทำงานบน Sync 4 และรองรับการจดจำเสียงที่ได้รับการปรับปรุงพร้อมการนำทางที่เชื่อมต่อ โมเด็ม 5G ในตัว รวมถึงความสามารถในการอัปเดตแบบไร้สาย นอกจากนี้ยังมี Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สายอีกด้วย มีการเพิ่มระบบกล้อง 360 องศาที่ให้มุมมองแบบแยกส่วนของสิ่งที่อยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังรถโดยตรง รวมถึงมุมมองการจราจรข้ามถนน Maverick ยังคงมาพร้อมชุดคุณลักษณะด้านความปลอดภัย CoPilot 360 ของ Ford
อย่างไรก็ตาม สำหรับปี 2025 ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือก่อนเกิดการชนพร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน กล้องมองหลัง และระบบไฟสูงอัตโนมัติ รุ่น Lariat และ Tremor มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมระบบ stop-and-go ระบบรักษาช่องทางเดินรถ และระบบจดจำป้ายความเร็ว
ในส่วนของราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในอเมริกาเหนือนั้น Ford Maverick 2025 จะเริ่มต้นด้วยรุ่น XL Hybrid FWD วางราคาอยู่ที่ 27,890 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 990,875 บาท ในขณะที่รุ่นท๊อปสุด Tremor EcoBoost 4WD จะวางราคาจำหน่ายที่ 41,390 ดอลล่าร์ หรือราวๆ 1.47 ล้านบาทโดยประมาณ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motortrend.com