Haval แบรนด์รถยนต์ SUV ภายใต้การดูแลของ Great Wall Motor ได้ประกาศว่ารถฮาร์ดคอร์ ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล Haval H9 เจเนอเรชันที่ 2 จะเข้าสู่ตลาดอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ โดยคาดว่าจะมีราคาอยู่ที่ 238,900 – 252,900 หยวน หรือประมาณราวๆ (1.12 – 1.18 ล้านบาท) สำหรับข้อมูลอ้างอิงที่ผ่านมาว่า Haval H9 เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่เปิดตัวในเดือนกันยายนที่ผ่านมานั้นขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเบนซิน และมีให้เลือก 3 รุ่น ราคาค่าตัวอยู่ในช่วง 199,900 – 229,900 หยวน หรือประมาณราวๆ (9.3 แสนบาท – 1.08 ล้านบาท)
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอก ในรุ่นดีเซลยังคงมีดีไซน์แบบเดียวกับรุ่นที่ใช้น้ำมันเบนซิน ด้านหน้าใช้กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมตกแต่งด้วยแถบโครเมียมแนวนอนสี่แถบ จับคู่กับไฟหน้าแบบเรโทรทรงกลมและกันชนสีดำหนา ทำให้ดูบึกบึนแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
ด้านท้ายดีไซน์ไฟเบรกแบบติดยกสูงขึ้น ออกแบบเป็นแนวตั้ง มียางอะไหล่ และประตูท้ายแบบเปิดด้านข้าง ลูกค้าสามารถเลือกดีไซน์ด้านหลังที่แตกต่างกันได้ 2 แบบ ด้วยกัน แบบแรกมีการติดตั้งยางอะไหล่หรือช่องเก็บของภายนอกทรงสี่เหลี่ยม ความยาวตัวรถคือ 5070 มิลลิเมตร ความกว้างคือ 1976 มิลลิเมตร แบบที่สองความยาวตัวรถคือ 4950 มิลลิเมตร ความกว้างคือ1960 มิลลิเมตร ความสูงและระยะฐานล้อเท่ากันทั้งสองรุ่นคือ 1930 มิลลิเมตร และ 2850 มิลลิเมตร ตามลำดับ
ดูจากการดีไซน์ด้านข้าง ตัวรถจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ควบคู่ไปกับชั้นวางของบนหลังคาและมือจับประตูยังคงเป็นแบบธรรมดา ขอบล้อเป็นแบบหลายก้าน
พละกำลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T ที่มีกำลังสูงสุด 137 กิโลวัตต์ (184 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ 9AT นอกจากนี้ยังใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ TOD (Torque On Demand) ของ BorgWarner อีกด้วย
ภายในห้องโดยสารมีแผงหน้าปัด LCD ขนาด 10.25 นิ้ว และหน้าจอควบคุมส่วนกลางขนาด 14.6 นิ้ว ซึ่งสามารถรองรับการโต้ตอบด้วยเสียงอัจฉริยะ มีปุ่มทางกายภาพอยู่ใต้หน้าจอควบคุมส่วนกลาง และมีมือจับแบบออฟโรดอยู่ที่ด้านหน้าผู้โดยสาร คอนโซลกลางมาพร้อมกับแผงชาร์จไร้สายของโทรศัพท์มือถือ มีคันเกียร์ขนาดใหญ่ และปุ่มอื่นๆ สำหรับฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ของรถยนต์
Haval H9 เจเนอเรชั่นที่ 2 มียอดส่งมอบมากกว่า 900 คัน ภายใน 5 วันหลังจากเปิดตัวในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยมีรถที่รอการส่งมอบอีก 6,029 คัน ตามรายงานจากทางค่าย ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Haval H9 เจเนอเรชั่นที่ 2 จำหน่ายรถไปแล้วกว่า 2,783 คัน โดยอิงจากข้อมูลที่มีอยู่บนเว็บไซต์
ที่มา: carnewschina.com