ภาพรถยนต์เอ็มจี | ที่มา: Qichangv
คุณโจว หยาน (Zhou Yan) ผู้จัดการทั่วไปแบรนด์ MG โดย SAIC Motor Corporation บริษัทแม่ของแบรนด์รถยนต์ MG ระบุว่าจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่นในปี 2568 ซึ่งได้แก่รถซีดานไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด และรถ SUV ขนาดใหญ่ นั่งได้ 5 ที่นั่ง จะมาในขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด รถยนต์ทั้งสองคันจะมีการออกแบบในสไตล์อังกฤษเพียงเล็กน้อยส่วนใหญ่จะเน้นไปในแนวสไตล์จีนมากกว่า โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะให้รถสไตล์จีนเป็นผลิตภัณฑ์แพร่หลายไปทั่วโลก ตามคำกล่าวของคุณ Zhou Yan ผู้จัดการทั่วไปแผนกธุรกิจของ MG
ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าทั้ง 2 รุ่นนี้จะเปิดตัวยังตลาดต่างประเทศนอกเหนือจากตลาดจีนหรือไม่
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาคุณ Zhou ได้กล่าวผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียว่า หนึ่งในรถยนต์รุ่นใหม่ของ MG ที่จะเปิดตัวในปีหน้าจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบกึ่งโซลิดสเตต ซึ่งโมเดลใหม่นี้อาจเป็นได้ทั้งในรูปแบบรถยนต์ซีดานและเอสยูวีก็เป็นได้
คุณ Zhou Yan ได้ประกาศแผนการของเอ็มจีที่จะเปิดตัวรถยนต์ใหม่ 2 รุ่นในปี 2568 ใน Weibo
ปัจจุบัน สินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ของ MG ประกอบด้วยรถยนต์ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า EXE181, MG CYBERSTER สปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้าแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง และรถเก๋งซีดานจำนวน 4 คัน ซึ่งได้แก่ MG5, MG6, MG5 Scorpio และ MG7, MG4 EV เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดทรงแฮทช์แบ็ก และรถยนต์เอสยูวี 3 รุ่น ได้แก่ MG One, MG ZS และ MG ES5 นอกจากนี้ ตามรายงานของสื่อต่างประเทศ ทางแบรนด์ MG คาดว่าจะเปิดตัวรถเอสยูวีในรุ่น 7 ที่นั่งในตลาดออสเตรเลียในปี 2568 และตั้งชื่อว่า “MG QS” ซึ่งอาจเป็นรถในเครือของ Roewe RX9 และคาดว่าจะเป็นระบบปลั๊กอินไฮบริดขุมพลัง 1.5T
แบรนด์ MG ถือกำเนิดขึ้นในสหราชอาณาจักรในปี พ.ศ. 2467 และในปี พ.ศ. 2548 MG ได้ถูกซื้อกิจการครั้งแรกโดย Nanjing Automobile Group ของจีน จากนั้นในปี 2550 ทาง SAIC ได้เข้าซื้อกิจการ Nanjing Automobile จึงทำให้ MG ถูกรวมเข้าอย่างเป็นทางการในเครือของ SAIC และกลายเป็นแบรนด์จีนในปัจจุบัน
จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่ายอดขายของเอ็มจีในตลาดโลกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในทางตรงกันข้าม ยอดขายในประเทศจีนกลับลดลงทุกปี ตั้งแต่ปี 2562 – 2566 และยอดขายทั่วโลกของ MG ต่อปีอยู่ที่ 298,000, 310,000, 470,000, 660,000 และ 840,000 คัน ตามลำดับ ซึ่งครองอันดับ 1 ในการส่งออกรถยนต์แบรนด์เดียวของจีนเป็นระยะเวลา 5 ปีติดต่อกัน ถ้าคิดเป็นประมาณ 70% ของยอดขายในต่างประเทศ
ในทางตรงกันข้าม MG สร้างยอดขายในประเทศอยู่ที่ 159,000, 80,000, 110,000, 180,000 และ 100,000 คัน ตามลำดับ โดยเฉพาะในปี 2562 ยอดขายในประเทศคิดเป็น 53.3% ของยอดขายทั่วโลกของเอ็มจี แต่ภายในปี 2566 ยอดขายในประเทศกลับลดลงเหลือเพียง 11.9%
ในทำนองเดียวกันตั้งแต่ปี 2562 – 2566 ยอดขายของทาง SAIC ลดลงจาก 6.238 ล้านคันเหลือ 5.021 ล้านคัน ยอดขายในปี 2566 ลดลง 28% จากจุดสูงสุดที่ 7.052 ล้านคันในปี 2561 ในตลาดรถยนต์ในประเทศจีน บริษัทร่วมทุนและแบรนด์ในประเทศกำลังเพิ่มการลงทุนเพื่อแข่งขันเพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดที่จำกัด โดยเฉพาะในรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ส่วน ในปี 2023 SAIC ได้เผยแพร่ ” แผนปฏิบัติการ 3 ปีเพื่อการพัฒนารถยนต์พลังงานใหม่ NEV” โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุยอดขาย 3.5 ล้าน ต่อปีภายในปี 2568
ที่มา: carnewschina.com