เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่มาแรงเอามากๆ กับการเตรียมเปิดแบรนด์ในไทยอย่างเป็นทางการของ Haval ภายใต้บริษัท Great Wall Motors (GWM) ในประเทศไทย ซึ่งมาถึงเวลานี้แล้วก็อีกแค่อึดใจเดียวเท่านั้น!
[adsforwp id=”1302″]
จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง และพิจารณาถึงความเป็นไปได้แล้ว 2 รถ SUV จากทางค่ายที่น่าจะเป็นตัวเบิกทางสำหรับการทำตลาดในประเทศไทยนั้นก็คือ All New Haval H6 และ All New Haval F7X ที่เพิ่งจะเปิดตัวกันในจีนไปก่อนหน้านี้แบบสดๆ ร้อนๆ
[adsforwp id=”1302″]
สำหรับ All New Haval H6 นั้น ถือว่าเป็นรถ SUV ขนาดใหญ่ (มิติพอๆ กันกับ CR-V และ CX-5) มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรแบบเทอร์โบชาร์จ ให้แรงม้าสูงสุดมาอยู่ที่ 169 ตัว และยังจะมีเครื่อง 2.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จให้เลือกในรุ่นท็อปด้วย มิติของตัวรถจะมีขนาดยาว 4,653 มม. กว้าง 1,886 มม. และสูง 1,730 มม. ระยะฐานล้อจะอยู่ที่ 2,738 มม. โดยจะมากกว่ารุ่นเดิมไปถึง 58 มม. ด้วยกัน
ตัวรถนั้นมีการใช้กระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมขนาดใหญ่แบบใหม่ และมีการเพิ่มขนาดโลโก้ “HAVAL” ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ลักษณะการออกแบบไฟหน้าแบบใหม่นั้นมีความเฉียบคมมากยิ่งขึ้น พร้อมกับไฟตัดหมอกแบบใหม่ การเดินเส้นสายโดยรวมของตัวรถนั้นเน้นความทันสมัยตามแนวทางของรถ SUV ในยุคนี้ ในขณะที่ส่วนของตัวถังนั้นก็ได้รับการออกแบบกันมาใหม่ด้วย พร้อมด้วยฟีเจอร์ช่วยเหลือด้านความปลอดภัยอย่างครบครัน
ส่วน All New Haval F7X นั้นจะมีเครื่องยนต์ให้เลือกอยู่ 2 รูปแบบคือ เครื่องยนต์แบบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้แรงม้าสูงสุด 169 ตัว แรงบิดสูงสุด 285 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์แบบ 2.0 ลิตรเทอร์โบ ให้แรงม้าสูงสุด 224 ตัว แรงบิดสูงสุด 358 นิวตันเมตร โดยเครื่องยนต์ทั้งคู่นั้นจะทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดแบบดูอัลคลัทช์ DCT และขับเคลื่อน 4 ล้อ four-wheel drive system ซึ่งทางค่ายเคลมไว้ว่าในรุ่นท็อปเครื่อง 2 ลิตรนั้น สามารถทำความเร็วตั้งแต่ 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียงแค่ 7.5 วินาทีเท่านั้น
รวมไปถึงโหมดการขับขี่ถึง 6 โหมด อย่างโหมด Standard (มาตรฐาน), Sport (เน้นความแรง), Mud (ลุยโคลน), Sand (ลุยทางฝุ่นทางทราย), Snow (ลุยหิมะ) และ ECO (ประหยัดน้ำมัน) หน้าจอแสดงผลภายในตัวรถจะเป็นแบบ LCD ขนาด 7 นิ้วสำหรับแดชบอร์ด และขนาด 9 นิ้วสำหรับการแสดงผลมัลติมีเดียต่างๆ ซึ่งรองรับระบบทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto นอกจากนั้นยังเสริมระบบความปลอดภัยด้วย Air Bag ถึง 6 ลูกด้วยกัน, ระบบป้องกันการชน, เบรก ABS และระบบกล้องมองรอบคัน
อย่างเร็วที่สุดที่เราจะได้เจอกับการเปิดตัวรถทั้ง 2 รุ่นนี้ในไทยก็คืองาน Motor EXPO 2020 ช่วงต้นเดือนธันวาคม หรืออย่างช้าที่สุดก็ไม่น่าจะเกินงาน Motor Show 2021 ช่วงเดือนมีนาคมปีหน้า โดยจุดแข็งที่สุดของทางค่ายนั้นก็คือในเรื่องของราคา ที่เรียกได้ว่าอาจจะเอื้อมถึงได้ง่ายเอามากๆ !
Credit : autohome.com.cn
[adsforwp id=”1302″]