ย้อนกลับไปเมื่อปี 2007 SSC North America ผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตสาย Production ได้ทำการสร้างสถิติความเร็วสูงสุดของโลกด้วยโมเดล SSC Ultimate Aero ด้วยสถิติ 256.14 ไมล์ต่อชั่วโมง (412.22 กม./ชม.) เป็นครั้งแรก และตลอดเวลา 13 ปีที่ผ่านมานั้นเจ้าของสถิติความเร็วสูงสุดนี้ก็มีการเปลี่ยนมือไปหลายๆ ต่อหลายครั้งโดยล่าสุด สถิติเป็นของ Koenigsegg Agera RS ด้วยความเร็ว 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง (447.19 กม./ชม.) เมื่อปี 2017 และล่าสุดถูกทำลายลงด้วย SSC Tuatara ที่สามารถทำลายกำแพงความเร็ว 300 ไมล์ต่อชั่วโมงลงได้สำเร็จ
[adsforwp id=”1302″]
โดยทาง SSC north America ได้เลือกเส้นทาง State Route 160 นอกลาสเวกัสใกล้กับ Pahrump ที่เคยเป็นเส้นทางเดียวกันกับที่ Agera RS สร้างประวัติศาสตร์ในเดือนพฤศจิกายน 2017 และได้เลือก Oliver Webb นักแข่งรถมืออาชีพมารับหน้าที่ควบคุมเจ้า SSC Tuatara ในการสร้างสถิติบนถนนสาธารณะ ซึ่งเจ้า SSC Tuatara ได้เลือกใช้งานยางถนนแบบปกติรวมไปถึงน้ำมันเชื้อเพลิงเกรดธรรมดาที่หาได้ตามสถานีบริการทั่วๆไป ไม่ได้ใช้เชื้อเพลิงสำหรับการแข่งขัน
นอกจากนี้ SSC และทีมงาน Guinness World Record ได้ใช้งานระบบ GPS ที่พ่วงต่อกับระบบดาวเทียม 15 ดวง เป็นอุปกรณ์ในการตรวจสอบความเร็ว ที่มีความแม่นยำ พร้อมทั้งใช้กรรมการบุคคลสองท่านในการควบคุมการบันทึกสถิติ
[adsforwp id=”1302″]
โดยความเร็วในการออกวิ่งสองรอบตามกฎ Guinness World Record นั้น SSC Tuatara ออกวิ่งรอบแรกด้วยความเร็วสูงสุด 313.12 ไมล์ต่อชั่วโมง (503.92 กม./ชม.) ซึ่งทางนักขับอย่าง Oliver Webb เองได้ออกมาบอกกับทีมงานว่ารอบต่อไปจะเพิ่มความเร็วขึ้นอีก ซึ่งก็เป็นไปตามที่นักขับบอก SSC Tuatara สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 321.35 ไมล์ต่อชั่วโมง (517.16 กม./ชม.) ซึ่งตามกฎของการบันทึกสถิตินั้นจะต้องนำเอาการวิ่งทั้งสองรอบมาหาค่าเฉลี่ยจะได้ออกมาที่ 316.11 ไมล์ต่อชั่วโมง (508.73 กม/ชม.) และถูกยกให้เป็นรถยนต์ที่ผลิตถูกต้องตามกฎหมายที่มีความเร็วที่สูงที่สุดของโลกในปัจจุบัน
กลับมาดูกันที่ตัวรถ SSC Tuatara กันสักหน่อย ตัวรถมาพร้อมกับขุมกำลังขนาด 5.9 ลิตร V8 flat-plane crank engine เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 1,750 แรงม้า เมื่อใช้เชื้อเพลิงเกรดพรีเมี่ยม แต่ถ้าใช้น้ำมันออกเทน 91 แรงม้าสูงสุดจะลดลงเหลือ 1,350 แรงม้า โดยที่น้ำหนักตัวรถแบบพร้อมขับจะมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 1,247 กิโลกรัม และมีค่า drag coefficient อยู่ที่ 0.279 ตัวรถถูกผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 100 คัน โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,625,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 50,775,562 บาท และมีรุ่นท๊อปสุดอย่าง High Downforce Track Pack ที่มีราคาอยู่ที่ 1.9 ล้าน ดอลล่าร์ หรือประมาณ 59,368,350 บาท
Credit : www.motor1.com
[adsforwp id=”1302″]