หลังจากที่ทาง Toyota ประเทศไทยได้ประกาศเตรียมเปิดตัว All New GR Yaris ตัวแรงกันในงาน Motor EXPO ต้นเดือน ธ.ค. นี้กันแล้ว ก็ได้มีกระแสข่าวความเป็นไปได้ว่าในปี 2021 ข้างหน้านั้น มีโอกาสที่พวกเขาเองจะเปิดตัว All New Yaris Cross กันในบ้านเราด้วยเช่นกัน!
[adsforwp id=”1302″]
All New Toyota Yaris Cross ไม่เพียงแค่มอบความสะดวกสบายในการใช้งานแบบเอนกประสงค์เท่านั้น แต่ยังคงมีจุดเด่นในการขับขี่ที่สนุก และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงสุด รวมไปถึงการประหยัดน้ำมัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเอกลักษณ์ของรถในซีรี่ย์ Yaris ที่พัฒนากันมาอย่างต่อเนื่อง
[adsforwp id=”1302″]
ด้วยคอนเซ็ปท์หลักในการออกแบบตัวรถอย่าง ENERGETIC SMART (พลังงานอันชาญฉลาด) ทำให้ภาพที่ออกมานั้นมีทั้งความหรูหราและสปอร์ตอยู่ในตัว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการออกแบบไฟหน้าและไฟท้าย พร้อมทั้งเสริมภาพลักษณ์ความแกร่งความลุยด้วยบังโคลนสีดำที่ยื่นออกมาด้านนอก
สำหรับการออกแบบตกแต่งภายในนั้น มีการวางหน้าจอแสดงผลแบบ TFT ไว้ตรงกลาง ซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน พร้อมจอแสดงผลแบบ HUD เพื่อลดการเคลื่อนไหวของสายตาให้น้อยที่สุด และทำให้มีสมาธิในการขับขี่มากยิ่งขึ้น ในส่วนของพื้นที่เก็บของด้านหลังรถนั้น จะมีความจุอยู่ที่ 390 ลิตร สามารถรองรับการบรรทุกสัมภาระได้สบายๆ รวมไปถึงเบาะนั่งด้านหลังยังสามารถพับเพื่อเก็บของแบบแยกได้เป็น 4:2:4 ทำให้สามารถจัดวางพื้นที่เก็บสัมภาระได้หลายรูปทรงด้วย
ตัวโครงสร้างรถนั้นจะมาพร้อมกับแพลตฟอร์ม TNGA (GA-B) ที่มีน้ำหนักเบาแต่มีความแข็งแกร่งสูงและมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ทำให้บาลานซ์ในการขับขี่นั้นมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงระบบกันสะเทือนที่ได้รับการปรับปรุงมาใหม่ด้วย
เครื่องยนต์พื้นฐานของ All New Toyota Yaris Cross ทุกๆ รุ่นย่อยนั้น จะมาในขนาด 1.5 ลิตร 3 สูบ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด เครื่องเบนซิน ทำงานร่วมกับระบบไฮบริด ที่สามารถประหยัดน้ำมันสูงสุดได้มากถึง 31.1 กม./ลิตร
โดย All New Toyota Yaris Cross ในประเทศญี่ปุ่นนั้น จะมีทั้งหมด 3 รุ่นย่อยให้เลือกดังนี้
X (รุ่นเริ่มต้น) ราคาประมาณ 530,000 บาท (ขับเคลื่อน 2 ล้อ) และราคาประมาณ 600,000 บาท (ขับเคลื่อน 4 ล้อ) – จะมีไฟหน้าแบบฮาโลเจน, ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมเบรกโฮลฟังก์ชั่น, หน้าจอแสดงผลสถานะของตัวรถขนาด 4.2 นิ้ว, หน้าจอแสดงผลมัลติมีเดียขนาด 7 นิ้ว, ล้อขอบ 16 นิ้ว, พวงมาลัยปรับระดับแบบแมนนวล, ระบบสมาร์ทคีย์, Toyota Safety Sense ระบบด้านความปลอดภัย ที่จะมี Cruise Control ฯลฯ, ดิสก์เบรก 4 ล้อ, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
G (รุ่นกลาง) ราคาประมาณ 599,000 บาท (ขับเคลื่อน 2 ล้อ) และราคาประมาณ 667,000 บาท (ขับเคลื่อน 4 ล้อ) – จะได้เพิ่มมาในส่วนของ กล้องมองถอย, กระจกตัดแสง UV ทั้งด้านหน้าและด้านข้าง, หนังหุ้มพวงมาลัย, ช่อง USB Socket, ลำโพง 6 ตัว, สเกิร์ตกันชนด้านหลัง, หน้าจอแสดงผลมัลติมีเดียขนาด 8 นิ้ว, คอนโซลตรงกลางตกแต่งด้วยสีดำเปียโนแบล็ค, ตัวควบคุมฮีทเตอร์
Z (รุ่นท็อป) ราคาประมาณ 655,000 บาท (ขับเคลื่อน 2 ล้อ) และราคาประมาณ 724,000 บาท (ขับเคลื่อน 4 ล้อ) – ไฟหน้าแบบฟูล LED ไฟท้ายแบบฟูล LED, กระจังหน้าสีดำเปียโนแบล็ค, เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง, หน้าจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว, ที่จับประตูรถสีดำเปียโนแบล็ค, ล้อขนาด 18 นิ้ว, เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารมีฮีทเตอร์, ช่องเก็บของตรงที่นั่ง
มารอลุ้นกันในช่วงปี 2021 ข้างหน้าว่าจะมีการเปิดตัวรถรุ่นนี้ในประเทศไทยตามกระแสข่าวล่าสุดนี้กันเมื่อไหร่ และจะมีโครงสร้างราคาของแต่ละรุ่นเป็นอย่างไรบ้าง ทางเราจะเกาะติดสถานการณ์และรีบมาอัพเดทให้ทราบกันทุกๆ ระยะ!
ขอบคุณภาพประกอบจาก : response.jp
[adsforwp id=”1302″]