หลังจากเปิดตัวโมเดลมานานหลายปี รวมถึงการปรับเปลี่ยนโมเดลเข้าสู่เจนเนอเรชั่นที่สองของ Toyota MIRAI รถยนต์พลังงานทางเลือก Fuel cell vehicle ก็ถึงโอกาสที่จะได้เปิดตัวในระดับสากล โดยที่ตลาดที่สองต่อจากประเทศญี่ปุ่นก็คือ อเมริกา ซึ่งล่าสุดตัวรถนั้นได้ทำการส่งมอบให้กับผู้ซื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
[adsforwp id=”1302″]
Toyota MIRAI นับว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมยานยนต์ที่เลือกใช้งานเชื้อเพลิงที่แตกต่างออกไป โดยตัวรถจะใช้เชื้อเพลิงจากไฮโดรเจน ซึ่งทางผู้ผลิตกล่าวว่าเป็นมิตรกับสิ่งเแวดล้อมที่มากกว่าน้ำมัน และให้กำลังที่เหนือกว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้า รวมไปถึงอัตราสิ้นเปลืองที่ประหยัดจนน่าเหลือเชื่อ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Toyota MIRAI นับว่าเจนเนอเรชั่นที่สองของโมเดล ที่มีการปรับปรุงใหม่ด้วยแพลตฟอร์ม TNGA ที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ขับขี่โดยตรง ไม่เพียงแต่ปรับปรุงด้านความแข็งแรงของตัวรถ แต่สามารถเสริมความสามารถในการขับขี่ที่สบายกว่า รวมไปถึงการลดน้ำหนักโดยรวมของตัวรถให้เบากว่าเดิม ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังและประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงที่สูงขึ้นตาม
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Toyota MIRAI ได้ถูกส่งมอบเป็นครั้งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น ตามการรายงานของสื่ออเมริกัน ที่ได้เปิดเผยว่า ผู้ซื้อ Toyota MIRAI ที่ได้รับรถรายแรกอยู่ที่แคลิฟอเนีย ซึ่งเจ้า MIRAI เวอร์ชั่น USA นั้นจะมีความสามารถวิ่งทำระยะได้อย่างน้อยที่สุด 647 กิโลเมตร ต่อเชื้อเพลิงเต็มทั้งสองถัง (รุ่นแรกจะมีถังเชื้อเพลิงเพียงถังเดียว) ระบบเซลล์เชื้อเพลิงทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของพลังงานดีขึ้นอย่างมาก สอดคล้องกับขุมกำลังที่สามารถสร้างแรงบิดและอัตราเร่งที่ทรงพลัง จึงได้สัมผัสกับความรู้สึกใหม่ในการขับขี่ โดยที่ตัวรถนั้นสามารถทำระยะในการวิ่งเฉลี่ยได้ดีกว่ารถยนต์ทั่วๆไปประมาณ 30% เมื่อเทียบกับรถที่มีขนาดของถังเชื้อเพลิงและเครื่องยนต์ที่ใกล้เคียงกัน
[adsforwp id=”1302″]
โดยที่ MIRAI รุ่นที่สองนั้นมีการปรับในเรื่องของกำลังใหม่ ทำให้ได้กำลังมากกว่าเดิม จากเดิมที่ทำได้ 114 แรงม้า (KW) ไปเป็น 128 แรงม้า (KW) พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 30.6 Kgm-T และสามารถเร่งความเร็วจาก 40 กม*ชม ไปสู่ 72 กม/ชม ได้ในเวลาเพียง 2.8 วินาทีเท่านั้น
ภายในตัวรถเวอร์ชั่น USA นั้นแทบจะไม่ต่างจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่น โดยยังคงหน้าจอแสดงผลคนขับ TFT ขนาด 8 นิ้ว ที่แสดงความเร็ว โหมดการขับขี่ อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง จอแสดงข้อมูลแบบ multi-information display และจอสาระบันเทิงกลางขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมความสามารถ Android Auto และ Apple Car Play แต่มีความแตกต่างที่จะเสริมคุณสมบัติพิเศษจาก Amazon ด้วยระบบสั่งการด้วยเสียง Alexa เข้ามาเสริมตามรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันของแต่ล่ะประเทศและยังมีอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สายที่รองรับ “Qi” ยังเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น
อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัย Toyota Safety Sense โดยเจ้า MIRAI นั้นจะติดตั้งระบบที่อัพเกรดใหม่ล่าสุด “Toyota Safety Sense 2.5+” เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ที่จะมาพร้อมกับ “Pre-Collision System (PCS)” พร้อมฟังก์ชั่นตรวจจับคนเดินถนน ที่ไม่เพียงแต่ตรวจจับยานพาหนะที่อยู่ด้านหน้าเท่านั้น แต่ยังตรวจจับรถจักรยานในเวลากลางวันและคนเดินถนนในเวลากลางคืนอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ Toyota MIRAI เวอร์ชั่น USA ยังติดตั้งระบบ “Dynamic Radar Cruise Control (DRCC)” ที่สามารถเริ่มต้นการทำงานที่ความเร็ว 48 กม*ชม เป็นต้นไป โดยที่ระบบได้รับการออกแบบมาเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าและเชื่อมโยงกับการหยุดรวมไปถึงการสตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ของรถคันข้างหน้า นอกจากนี้ DRCC ยังนำฟังก์ชั่นใหม่ที่ช่วยให้สามารถแซงรถความเร็วต่ำได้ง่ายขึ้น โดยที่ระบบจะตรวจสอบรถยนต์ด้านหน้าที่วิ่งด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า ระบบจะแจ้งเตือนผู้ขับให้ทำการจับพวงมาลัย ก่อนจะเร่งความเร็วเพื่อแซงในทันที ซึ่งระบบจะไม่ทำงานหากไม่ตรวจเจอการบังคับถือถือพวงมาลัยของผู้ขับ ซึ่งถือว่าเป็นระบบที่ฉลาดและน่าสนใจเป็นอย่างมาก
นับว่าเป็นอีกนวัตกรรมยานยนต์ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากสำหรับ Toyota MIRAI โดยส่วนหนึ่งการใช้งานจะเกิดขึ้นได้ในแต่ล่ะประเทศนั้น ภาครัฐจะต้องมีการส่งเสริมและช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค ซึ่งตรงจุดนี้แล้ว เราคนไทยเองคงยังทำได้เพียงแต่เสพข่าวคราวของมันเท่านั้น และมันไม่น่าจะเกิดขึ้นในบ้านเราในช่วงเวลา 2-3 ปีต่อจากนี้ หากสภาพโดยรวมของประเทศเรายังคงคลุมเคลือไม่ชัดเจนอย่างเช่นในปัจจุบัน
Credit : response.jp
[adsforwp id=”1302″]