นับว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกยานยนต์เป็นอย่างมากสำหรับเครื่องยนต์ e-Power ของ Nissan ที่นำเอาเครื่องยนต์มาทำการปั่นกระแสไปสู่ระบบจับเคลื่อน ที่ทำให้ผู้ที่ต้องการใช้งานรถยนต์พลังงานสะอาด แต่ยังไม่สามารถเปลี่ยนรูปแบบพลังงานได้ 100% ซึ่งมันค่อนข้างเหมาะสมกับตลาดในประเทศไทยเป็นอย่างมาก และเมื่อเรามองไปที่ตลาด Compact Car แล้ว Nissan เองก็มี Note e-Power ที่เป็นรถที่น่าสนใจแตกต่างจากคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด
[adsforwp id=”1302″]
และนี้จึงเป็นที่มาของการนำเอาบทความจากเว็บไซต์ยานยนต์ชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น bestcarweb ที่ได้ทดลองขับขี่เจ้า Nissan Note e-Power มาทำการเรียบเรียงและแปลให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ก่อนที่ตัวรถนั้นเตรียมจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเร็วๆ นี้
Niddan ได้เปิดตัว Note รุ่นแรกในปี 2012 ด้วยเครื่องยนต์สามลูกสูบ 1.2 ลิตร รวมเอาแนวคิดเรื่องการลดขนาดเข้ามาเป็นประเด็นในการออกแบบ แต่ในการพัฒนาพื้นฐานของโมเดลนั้นในปี 2020 ไม่ใช่การปรับปรุงโมเดลใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการเพิ่มรูปแบบเครื่องยนต์ใหม่ e-Power รูปแบบเดียวกับที่ใช้ใน Nissan Kick แต่ก็มีความแตกต่างจากกันที่เครื่องยนต์ e-Power ใน Note นั้นจะเป็นเครื่องยนต์รุ่นที่สองที่พัฒนาต่อมาจากที่ติดตั้งบน Kick
กล่าวอีกนัยหนึ่งนี่คือการออกแบบรุ่นใหม่ของ Nissan โดยปกติแล้ว e-POWER ก็ถูกนำมาใช้สำหรับรุ่นใหม่ในทางตรงกันข้าม e-POWER ได้พัฒนาไปอีกขั้น ด้วยการควบคุมแบบใหม่ และได้กลายเป็น e-POWER รุ่นที่ 2 อย่างเต็มตัว โดยสิ่งที่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือเรื่องของความเงียบที่จะสามารถสังเกตเห็นได้ทันทีหลังจากออกวิ่ง มันสามารถถ่ายทอดอารมณ์การขับขี่เหมือนกับรถพลังงานไฟฟ้า 100%
[adsforwp id=”1302″]
ในขณะที่เครื่องยนต์ e-POWER รุ่นที่ 1 ที่ติดตั้งบน Kick มีลักษณะพยายามให้แบตเตอรี่ชาร์จเต็มให้มากที่สุด แต่สำหรับในรุ่นที่ 2 นั้นค่อนข้างแตกต่างออกไป เพราะดูเหมือนว่าทางทีมผู้พัฒนาจะปรับรูปแบบการควบคุมพลังงานใหม่ โดยจะเค้นเอาพลังงานที่สะสมในแบตเตอรี่มาใช้งานก่อนทำให้การออกตัวของ Note e-Power นั้นในบางครั้งเครื่องยนต์จะไม่สตาร์ทในทันทีที่ออกตัว แต่จะสตาร์ทเมื่อกำลังไฟในแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่าค่าที่กำหนดไว้
นอกจากนี้ความเงียบหลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ยังได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างมาก โดยมีส่วนสำคัญคือแพลตฟอร์ม CMF-B ที่พัฒนาร่วมกับ Renault ที่มีส่วนในการลดทอนเสียงจากการทำงานของเครื่องยนต์รวมไปถึงลดการสั่นสะเทือนของตัวรถอย่างชัดเจน แพลตฟอร์มใหม่ยังช่วยเพิ่มคุณภาพการขับขี่ การสั่นสะเทือนที่เกิดจากความไม่สม่ำเสมอของพื้นผิวถนน
ยิ่งไปกว่านั้นประสิทธิภาพของขุมพลังยังดีขึ้นในระดับที่ใครๆ ก็สังเกตเห็นได้ ทั้งเอาต์พุตสูงสุดและแรงบิดสูงสุดได้รับการปรับปรุง อาจเป็นเพราะการควบคุมใหม่ที่ช่วยให้แรงบิดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อการทำงานของคันเร่ง
ตัวรถมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ด้วยมอเตอร์ขับอิสระทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ด้านหลังติดตั้งมอเตอร์ที่สร้างแรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร ซึ่งมันมีกำลังพอเพียงสำหรับการขับขี่บนพื้นผิวที่มีความลื่นอย่าง หิมะ (ที่ไม่หนาจะเกินไป) แม้ในขณะสตาร์ทบนทางลาดชัน แต่ก็ยังสร้างแรงบิดที่เหมาะสมให้กับล้อทั้งสี่ได้เสมอดังนั้นจึงขับขี่ได้อย่างสบายใจ
ระบบ ProPilot ได้รับการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญ ระบบจะตรวจจับรถคันหน้าและรักษาระยะห่างที่แน่นอน เพื่อติดตามรถคันข้างหน้าในระยะที่ปลอดภัย ในรถยนต์บางรุ่นที่มีระบบคล้ายๆ กันนั้น เมื่อตัวรถข้างหน้าเร่งความเร็วขึ้น รถที่ตามหลังจะส่งเสียงคำรามของเครื่องยนต์เพื่อทำการเร่งตาม ซึ่งมันตรงกันข้ามกับ Note e-Power ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและไม่มีการเปลี่ยนเกียร์จึงรักษาระยะห่างไว้ ระหว่างรถโดยไม่ต้องส่งเสียงคำราม ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากๆ
ไม่เพียงเท่านั้นระบบช่วยเหลือนักขับยังมีความชาญฉลาดเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่นการเปิดทำงานระบบ Cruise Control ในขณะขับรถบนทางโค้งหักศอกของทางด่วน ความเร็วจะลดลงต่ำกว่าความเร็วที่ตั้งไว้โดยอัตโนมัติ เป็นลิงก์การนำทางคุณลักษณะใหม่ และระบบนำทางทำงานร่วมกันเพื่อลดความเร็วรถก่อนถึงทางโค้งและกลับสู่ความเร็วที่ตั้งไว้โดยอัตโนมัติหลังจากผ่านไป (น่าจะเป็นไปตามข้อมูลแผนที่ของแต่ล่ะประเทศ ซึ่งถ้าเป็นประเทศไทยนี้ก็ไม่ทราบได้ว่าตัวรถจะลดความเร็วหรือไม่)
Nissan Note ใหม่ได้พัฒนา e-POWER และ ProPilot อย่างมากซึ่งเป็นอาวุธชิ้นใหม่ที่น่าสนใจในขณะที่รูปแบบ ประสิทธิภาพของพลังงาน ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย ซึ่งมันก้าวข้ามกำแพงของรถ Compact Car และเหนือกว่าคู่แข่งในท้องตลาดปัจจุบันเป็นอย่างมาก ซึ่งมันก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่อาจจะสูงกว่าคู่แข่งเล็กน้อย แต่มันคุ้มค่าเป็นอย่างมาก
Nissan Note e-Power มีให้เลือกในเกรด S ที่วางราคาเริ่มต้น 2,029,500 เยน ประมาณ 573,590 บาท เกรด F ราคาเริ่มต้นที่ 2,054,800 เยน หรือประมาณ 580,700 บาท เกรด X ราคาเริ่มต้น 2,186,800 เยน ราวๆ 618,060 บาท และเกรดสูงสุด AUTECH ราครา 2,504,700 เยน หรือประมาณ (707,933 บาท)
สำหรับตลาดประเทศไทยนี่นมีแนวโน้มว่า Nissan Note e-Power นั้นจะเข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ตามรอยของ Nissan Kick ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในท้องตลาดปัจจุบัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่า Nissan ประเทศไทย จะเปิดตัวมันอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาไหนและจะมีการกำหนดราคาของมันที่เท่าไหร่สำหรับตลาดบ้านเรา ก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ
Credit : bestcarweb.jp
[adsforwp id=”1302″]