หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าเจ้ารถกระบะที่เห็นในภาพนั้นมันคือโมเดลไหน มันคือ ภาพร่างของ Volkswagen Amarok เจนเนอเรชั่นใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มาถึงตรงนี้อาจจะสงสัยกันหนักเข้าไปอีกว่าทาง Volkswagen ผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังจากเยอรมันเคยผลิตรถกระบะกับเค้าด้วยเหรอ วันนี้เราจะขอพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักและดูถึงภาพร่างใหม่ของเจ้า Amarok กันครับ
[adsforwp id=”1302″]
2010 Volkswagen Amarok
Volkswagen Amarok รถ Pick-Up หรือที่บ้านเรามักจะเรียกกันว่า “รถกระบะ” ผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 2010 ผลิตโดย Volkswagen Commercial Vehicles โดยใช้รูปแบบของ body-on-frame ที่มีระบบกันสะเทือนแบบ Double-Wishbone ที่ด้านหน้าและแหนบที่ด้านหลัง กลุ่มผลิตภัณฑ์ Amarok มีทั้งรูปแบบของ Sigle Cab และ Double Cab โดยมีชุดขับเคลื่อนทั้งแบบสองล้อหลัง และอิสระสี่ล้อ ขุมกำลังเครื่องยน์เบนซิน 2.0 ลิตร 121 แรงม้า (HP) และดีเซลเทอร์โบเทอร์โบไดเรคอินเจคชั่น (TDI) ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 ลูกสูบเรียง 161 แรงม้า (HP) และขุมกำลังใหญ่ที่สุด 3.0 ลิตรแบบ V6 TDI CR 224 แรงม้า (HP)พร้อมด้วยความสามารถในการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 8 วินาที
โดยที่ตัวรถดั่งเดิมนั้นเป็นผลงานการออกแบบของ Walter de Silva นักออกแบบรถยนต์ชื่อดังชาวอิตาเลี่ยน ที่เคยฝากผลงานบน 2000 SEAT Salsa, 2001 SEAT Tango, 2002 SEAT Córdoba หรือที่เรารู้จักกันอย่าง 2005 Audi Q7, 2006 Audi TT และ 2008 VW Golf โดยเจ้า Amarok ออกแบบภายใต้แนวคิด Robust Pick-Up ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน General Pacheco ประเทศอาร์เจนตินาเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2010 ซึ่งภายหลังจากการเปิดตัว เจ้า Amarok จำนวน 45 คัน ก็ถูกส่งให้เป็นรถ Service ในการแข่งขัน Dakar Rally ในปีเดียวกันนี้ ตอกย้ำให้เห็นถึงประสิทธิภาพและคุณสมบัติที่แข็งแกร่งของมัน และการได้รับรางวัลการันตีความแข็งแกร่งจาก Euro NCAP ถึง 4 ดาว และ ANCAP จากประเทศออสเตรเลียที่ยกให้เจ้า Amarok เป็นรถ Pickup 5 ดาวประจำปี 2011
2018 Volkswagen Amarok
Volkswagen Amarok ดำเนินการตลาดมาตลอดระยะเวลา 10 ปี จนถึงปี 2020 ที่ผ่านมา ยอดการจำหน่ายทั่วโลกนั้นไม่น้อยหน้าใคร โดยในปี 2010 ปีที่เปิดตัวและวางจำหน่ายในยุโรปและอเมริกาใต้ ก็กวาดยอดจำหน่ายไปถึง 44,525 คัน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปีที่พีคที่สุดคือปี 2018 ที่มียอดจำหน่ายมากถึง 88,950 คันทั่วโลก และในปี 2020 จะเป็นปีสุดท้ายของสายการผลิตแต่เจ้า Volkswagen Amarok ก็ยังทำยอดขายได้มากถึง 52,100 คันทีเดียว
[adsforwp id=”1302″]
นี้เป็นเพียงบางส่วนของความสุดยอดของ Volkswagen Amarok ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา แต่หลังจากหายไปจากตลาดเกือบสองปีเจ้า Amarok ก็กำลังจะกลับมาอีกครั้ง โดยล่าสุดมีการเปิดเผยภาพร่างใหม่ล่าสุดของมันโดยทางผู้ผลิตเอง ซึ่งมันโดดเด่นด้วยเส้นสายที่เฉียบคมและสะอาดตา แต่ยังคงกลิ่นอายความเป็น Volkswagen และเน้นการใช้งานในรูปแบบของ Off-Road ซุ้มล้อที่บานออกกันชนหน้าชิ้นหนาพร้อมตะขอลาก และแผ่นหุ้มที่หนักหน่วงและล้อที่ดูสมบุกสมบันพร้อมยางอเนกประสงค์ทั้งหมดนี้ให้รูปลักษณ์แบบ SUV ที่พร้อมตะลุยในทุกๆสภาพเส้นทาง ทางด้านองค์ประกอบอื่นๆ ไฟหน้ามันดูคล้ายกับ VW ID รุ่นใหม่ มันดูน่าทึ่งและน่าสนใจเป็นอย่างมาก จนทำให้เราคาดหวังว่าสิ่งนี้จะอยู่กับตัวรถไปจนถึงขั้นตอนการผลิตจริง
อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจมากบนเจ้า Volkswagen Amarok นั่นก็คือการแชร์แพลตฟอร์มกับ Ford Ranger T7 รุ่นใหม่ที่กำลังวางตลาดในเร็วๆ นี้ โดยทางผู้ผลิตจะร่วมมือกับแบรนด์อเมริกัน ในการใช้แพลตฟอร์มและขุมกำลัง ที่คาดว่าจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 4 ลูกสูบแถวเรียง 2.0 ลิตรเทอร์โบคู่ 213 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร รวมไปถึงเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 2.3 ลิตร ที่สามารถให้กำลังสูงสุดรวม 367 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 680 นิวตันเมตร และมีความเป็นไปได้ที่จะใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ 3.0 ลิตร V6 253 แรงม้า ที่มีกำลังลากจูงสูงสุด 5 ตัน เป็นรุ่นท๊อปของโมเดล
2020 Volkswagen Amarok
แม้ว่า Volkswagen Amarok จะได้รับการสนับสนุนจาก Ford Ranger T7 แต่ภาพลักษณ์โดยรวมภายนอกนั้นค่อนข้างแตกต่างอย่างชัดเจน ซึ่งน่าจะเป็นส่วนแลกเปลี่ยนที่ทาง Ford จะใช้แพลตฟอร์มโมเดลพลังงานไฟฟ้าจาก VW สำหรับผลิตภัณฑ์ของตนเองในอนาคต โดยที่เจ้า Volkswagen Amarok จะถูกพัฒนาขึ้นในโรงงานของ Ford ในประเทศแอฟริกาใต้ และมีความเป็นไปได้ที่เราจะได้เห็นโฉมตัวจริงเป็นครั้งแรกในช่วงปลายปี 2022 เป็นอย่างเร็วที่สุด
Credit : indianautosblog.com
[adsforwp id=”1302″]