เป็นกระแสตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่าน จนล่าสุดอีกไม่ถึง สองสัปดาห์ก็จะมีการเปิดให้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกาแล้ว สำหรับโมเดลเจนเนอเรชั่นที่ 11 ของ Honda Civic ที่รุนใหม่นั้นจะเป็นรุ่นแบบ All-New ที่ปรับปรุงจากโมเดลก่อนหน้าไปอย่างมากมายภายใต้แนวคิด Man-Maximum Machine-Minimum และมีความเป็นไปได้ที่ตัวรถรุ่นที่ 11 จะเปิดตัวในตลาดประเทศไทยก่อนสิ้นปี 2021 นี้
[adsforwp id=”1302″]
ด้วยสาเหตุที่กล่าวไว้ข้างต้นทางทีมงาน ThaiDriving เองเลยจัดทำข้อมูลทั้งหมดของตัวรถ 2022 All-New Honda Civic รุ่นใหม่ เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ เปรียบเทียบระหว่างรุ่นปัจจุบันและรุ่นใหม่ที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้
ก่อนอื่นเราขอพาท่านผู้อ่านไปดูภาพลักษณ์ด้านนอกของตัวรถกันก่อน 2022 All-New Honda Civic รุ่นที่ 11 นั้นมีแนวหลังคาที่กว้างเหมือนกับ Honda Accord โมเดลที่ยุติการผลิตไปแล้ว และแนวหน้าต่างที่โดดเด่นใกล้กับเสา C ตามที่ผู้ผลิตได้กล่าวไว้ เสา A ถูกผลักไปด้านหลัง 1.96 นิ้ว เพื่อให้ตัวเสานั้นไม่เพียงเชื่อมต่อกับดุมล้อหน้าเมื่อมองด้วยตาเปล่าเท่านั้น แต่ยังทำให้ฝากระโปรงหน้ายาวขึ้นและให้ภาพรวมที่ดูกว้างและยาวกว่าเดิม
ฝากระโปรงหน้าใหม่ดูจะเป็นสิ่งที่สะดุดตาเราเป็นอย่างมาก กระจังหน้าใหม่ “Solid Wing Face” แบบเต็มความกว้างเพื่อให้มีรอยบากที่อยู่เหนือช่องรับอากาศด้านบนที่คว่ำลง โดยมีตราสัญลักษณ์ Honda อยู่ตรงกลางและไฟหน้าที่โฉบเฉี่ยวขึ้นกว่าเดิม โดยแต่ละโคมนั้นจะมีการติดตั้งชุดไฟ DRL แบบ LED ทรง L-Shape ในขณะเดียวกัน กันชนหน้าด้านล่างจะถอดแบบมาจากรถต้นแบบโดยมีท่อไอดีขนาดใหญ่ขนาบข้างด้วยโครงสร้างรูปตัว C ที่รวมไฟตัดหมอกไว้ด้วย
โดยที่ฝากระโปรงหลังของ Civic นั้นมีหางเป็ดอยู่ พร้อมกับไฟท้ายแบบ Audi-esque ที่มีการจัดวางไฟเบรกแบบ L-Shape เหมือนกันกับด้านหน้า ในส่วนของด้านข้าง จะเห็นเส้นสายที่โดดเด่นสองเส้น โดยเส้นหนึ่งวิ่งอยู่เหนือที่จับประตูและสายเข็มขัดที่ต่ำลง เพื่อเชื่อมฝากระโปรงหน้ากับไฟท้าย ขณะที่เส้นที่พุ่งขึ้นจะเห็นได้จากซุ้มล้อหน้าไปยังแผ่นสะท้อนแสงด้านหลัง
[adsforwp id=”1302″]
โดยภาพรวมแล้ว All-New Honda Civic จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม โดยจะยาวขึ้นจากของเดิม 33 มิลลิเมตร ที่ 4,674 มิลลิเมตร ในขณะที่ระยะฐานล้อเพิ่มขึ้น 36 มิลลิเมตร เป็น 2,736 มิลลิเมตร ในส่วนของความกว้าง และความสูงของตัวรถจะเท่ากับรุ่นปัจจุบันที่ 2,736 มิลลิเมตร และ 1,475 มิลลิเมตร
โดยรวมแล้วตัวรถ Civic รุ่นที่ 11 จะเรียบง่ายกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นที่ 10 ในปัจจุบัน โดยทางผู้ออกแบบนั้นได้อิงหลักการ M/M (Man-Maximum, Machine-Minimum) ซึ่งหมายถึงการลดความซับซ้อนในขณะที่เพิ่มพื้นที่ใช้งาน และการรับรู้ถึงสุนทรีย์ของตัวรถ โดยอิงจาก Compact Global Platform ชุดเดิมที่ใช้กับโมเดลก่อนหน้า
การตกแต่งภายในของ Civic ใหม่นั้นเกือบจะเหมือนกับตัวภาพร่างที่ปล่อยมาก่อนหน้านี้ จุดสังเกตที่โดดเด่นที่สุดคือตาข่ายรังผึ้งซึ่งขยายความกว้างของแดชบอร์ด โดยมีส่วนควบคุมยื่นออกมาจากช่องระบายอากาศ โดยทางทีมออกแบบได้กล่าวว่าการตัดสินใจออกแบบนี้ทำขึ้นเพื่อปกปิดช่องระบายอากาศที่อาจทำให้รูปลักษณ์ที่กระจัดกระจายและกลมกลืนกันของแผงหน้าปัด
บนคอนโซลกลางนั้นทำหน้าที่เป็นตัวแบ่งสำหรับระบบควบคุมสภาพอากาศและระบบ Infotainment ของหน้าจอสัมผัสซึ่งมีให้ในขนาด 7 และ 9 นิ้ว และมาพร้อมกับมาตรฐานที่รองรับสำหรับ Android Auto และ Apple CarPlay เป็นครั้งแรกที่ระบบเสียงระดับพรีเมียมของ Bose เข้าสู่ Civic โดยมีลำโพง 12 ตัวกระจายอยู่ทั่วห้องโดยสารเพื่อประสบการณ์การฟังระดับพรีเมียม เมื่อไปถึงชั้นกลางจะพบกับพื้นที่เก็บของที่มีแท่นชาร์จไร้สายที่รองรับ Qi พร้อมด้วย USB และปลั๊กไฟ คอนโซลกลางยังได้รับการปรับปรุงอย่างหนักจากโมเดลก่อนหน้า ด้วยคันเกียร์ ตัวเลือกโหมดขับเคลื่อน เบรกจอดรถแบบอิเล็กทรอนิกส์ และปุ่มควบคุมการเบรกที่จัดเรียงไว้ในแถวเดียวโดยมีที่วางแก้วอยู่ข้างๆ
สำหรับผู้ขับขี่ มีพวงมาลัยแบบใหม่ที่มีระบบควบคุมบนล้อแบบเดิมและแผงหน้าปัดแบบดิจิตอลขนาด 10.2 นิ้ว โดยจะจำลองมาตรวัดแบบอนาล็อก พร้อมกับพื้นที่สำหรับจอแสดงผลแบบดิจิตอล 7 นิ้วภายใน ไฮไลท์อื่นๆ ได้แก่ วัสดุคุณภาพสูง การออกแบบเบาะนั่งด้านหน้าแบบใหม่ และโครงเบาะนั่งเจเนอเรชั่นใหม่ที่พัฒนาโดยใช้ระบบเบาะนั่งนิรภัยของทางบริษัท ซึ่งจะมอบทัศนวิสัยที่ดีขึ้นอันเป็นผลมาจากการออกแบบภายนอกพร้อมกับด้านหลังที่ดีขึ้น
ในส่วนของเทคโนโลยีความปลอดภัยนั้น ที่ด้านหน้ามีการติดตั้งถุงลมนิรภัยที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่ติดตั้งบน Acura TLX และ MDX โดยมีถุงลมนิรภัยด้านหน้าที่มีโครงสร้างใหม่เพื่อรองรับและจับศีรษะเพื่อลดการกระแทกในกรณีที่เกิดการชน โดยจะมีการติดตั้งถุงลมนิรภัยทั่วห้องโดยสารถึง 10 จุด ขณะที่โครงสร้างตัวถัง Advanced Compatibility Engineering (ACE) ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้มีการป้องกันผู้โดยสารที่ดีขึ้นในการชนด้านหน้าหรือการถูกชนที่มุมของรถอีกด้วย
Honda Sensing เป็นอุปกรณ์มาตรฐานและใช้ระบบกล้องเดี่ยวแบบใหม่ที่ให้มุมมองที่กว้างขึ้นเมื่อเทียบกับระบบเรดาร์และกล้องรุ่นก่อน รวมไปถึงการใช้ซอฟต์แวร์ใหม่และการประมวลผลที่ทรงพลังยิ่งขึ้นช่วยให้ระบบระบุคนเดินถนน คนขี่จักรยาน และยานพาหนะอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ตลอดจนการวิเคราะห์ เส้นจารจรและการจดจำป้ายจารจรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การตั้งค่าใหม่ช่วยปรับปรุงฟังก์ชั่นที่มีอยู่ เช่น การใช้เบรกที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นและปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วขึ้นเมื่อใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (ACC) ในขณะที่ให้การบังคับเลี้ยวในแนวตรงเป็นธรรมชาติมากขึ้นเมื่อใช้ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ (LKAS) รวมไปถึงการปรับปรุงและเพิ่มระบบ Traffic Jam Assist และเซ็นเซอร์โซนาร์แปดตัว ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมเบรกความเร็วต่ำได้ รวมถึงป้องกันการออกตัวที่ผิดพลาดทั้งเดินหน้าและถอยหลัง
มาถึงเรื่องของขุมกำลังกันบ้าง 2022 All-New Honda Civic รุ่นที่ 11 นั้นมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบ โดยรุ่นเริ่มต้นและรุ่นกลางอย่าง LX และ Sport นั้นจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน DOHC i-VTEC สี่สูบ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 158 แรงม้า (HP) ที่ 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิด 187 นิวตันเมตรที่ 4,200 รอบต่อนาที โดยที่รุ่นท๊อปอย่าง EX และ Touring นั้นจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์สี่สูบ VTEC Turbo ขนาด 1.5 ลิตร ที่มีการได้รับการปรับแต่งเพื่อให้มีกำลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยจะสามารถให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า (HP) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตรที่ 1,700 – 4,500 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลังของทั้งสองเครื่องยนต์นั้นจะใช้งานระบบเกียร์ CVT ที่ได้รับการแก้ไข โดยหน่วยเฉพาะ มีการติดตั้งปั๊มไฮดรอลิกไฟฟ้าที่ทนทานยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยลดภาระของปั๊มเชิงกลและเพลารองแบบลูกปืนเพื่อลดแรงเสียดทาน CVT สำหรับเครื่องยนต์ VTEC Turbo มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของตัวแปลงแรงบิด ในขณะเดียวกันก็นำโปรแกรม Step-Shift ที่ปรับปรุงใหม่มาใช้ด้วย
ในรุ่น Sport และ Touring จะมีโหมด Sport ใหม่นอกเหนือจากโหมด Normal และ Econ ซึ่งจะเปลี่ยนอัตราส่วนการขับและการทำ Engine Mapping เพื่อให้รู้สึกสปอร์ตยิ่งขึ้น และเปลี่ยนหน้าจอแสดงผลส่วนคนขับให้เป็นสีแดง ส่งอารมณ์ของผู้ขับขี่ให้สปอร์ตถึงขั้นสุด มีโหมด Econ ช่วยลดความไวของคันเร่งและเกียร์ ตลอดจนเอาท์พุตของเครื่องยนต์เพื่อช่วยรักษาประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่เกี่ยวข้องกับระบบกันสะเทือน โดยที่ด้านหน้าของ MacPherson struts ได้รับข้อต่อลูกหมากใหม่ที่มาพร้อมกับการลดแรงเสียดทานที่ต่ำลงและลูกปืนกันกระแทกด้านหน้าเพื่อปรับปรุงความรู้สึกในการบังคับเลี้ยวในขณะที่สปริงและการจัดตำแหน่งแดมเปอร์ได้รับการปรับปรุงเพื่อลดแรงเสียดทานในการทำงานด้วยเช่นกัน
สำหรับส่วนหลัง ตัวรถจะมีการวางตำแหน่งของโช้คอัพที่กว้างขึ้น 12.7 มิลลิเมตร เพื่อความมั่นคงยิ่งขึ้น พร้อมบุชชิ่งมาตรฐานขนาดใหญ่พร้อมแกนบุชชิ่งที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อลดการตีกลับนอกจากนี้ แขนช่วงล่างด้านหลังทั้งสองข้างยังติดตั้งบุชชิ่งใหม่ที่ช่วยลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสาร ขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการเข้าโค้งและเข้าโค้งในแนวตรงที่ดีขึ้น พวงมาลัยเพาเวอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ได้รับการปรับแต่งเพื่อให้การตอบสนองที่ดีขึ้นและเสถียรภาพในการควบคุมที่ดีขึ้นในขณะที่คาลิปเปอร์เบรคหน้าแบบ low-drag ที่สอดล้องกับลูกปืนล้อแรงเสียดทานต่ำช่วยลดแรงต้านการหมุนเพื่อช่วยประหยัดเชื้อเพลิง ซับเฟรมด้านหน้าเป็นแบบอลูมิเนียมใหม่และมีโครงสร้างแบบ truss&ribs ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อความแข็งแกร่งและความมั่นคงที่ดีขึ้น นอกจากนี้ new lightweight flex tube แบบใหม่ในระบบไอเสียยังช่วยลดการส่งเสียงรบกวน
สำหรับ 2022 All-New Honda Civic รุ่นที่ 11 นั้น ในตลาดอเมริกาเหนือนั้นจะใช้โรงงาน Alliston ในรัฐ Ontario ประเทศแคนาดาเป็นฐานการผลิต ซึ่งในอนาคตจะมีการประกาศรุ่น Hatchback ที่ทางผู้ผลิตได้วางโรงงาน Greensburg ในรัฐ Indiana สหรัฐอเมริกาเป็นฐานการผลิตหลักและคาดว่าจะรวมไปถึงโมเดลพิเศษรุ่นประสิทธิภาพอย่าง Type-R ด้วยเช่นกัน ในส่วนของราคานั้น เกรด LX รุ่นเริ่มต้นในตลาดอเมริกาจะมีราคาอยู่ที่ $21,700 (682,248 บาท) และจะไปสุดที่เกรด Touring ที่วางราคาไว้ที่ $28,300 (889,186 บาท) ซึ่งเมื่อเข้าสู่ตลาดประเทศไทยแล้วราคาน่าจะปรับขึ้นจากนี้อย่างแน่นอน
Credit : paultan.org
[adsforwp id=”1302″]