จัดว่าเป็นการแก้ลำที่น่าสนใจอย่างมาก หลังจากเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนมีการเผยแพร่ภาพหลุดของว่าที่โมเดลใหม่ของ Toyota Tundra TRD PRO รถปิคอัพ Full Size จากผู้ผลิตญี่ปุ่น ซึ่งแบรนด์ระดับโลกเองก็ไม่รอช้าปล่อยภาพตัวจริงของโมเดลที่ว่าออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว
[adsforwp id=”1302″]
โดยก่อนหน้านี้ภาพหลุดดของ 2022 Toyota Tundra TRD PRO ได้ถูกเผยแพร่บนกลุ่ม TundraCrew ผู้ใช้งานบน Facebook โดยอ้างว่าเป็นภาพที่ถ่ายจากทีเซอร์ที่เปิดเผยในงานประชุมผู้แทนจำหน่ายในสหรัฐ ซึ่งสร้างกระแสความตื่นเต้นปนกับเสียงบ่นเกี่ยวกับงานออกแบบ โดยตัวรถมีงานออกแบบกระจังหน้าใหม่ ที่เสริมในส่วนของไฟ LED ตรงกลางระหว่างไฟหน้าสองดวง พร้อมกับส่วนไฟท้ายที่เป็นแนวตั้งแบบซ้อนกันสามแถว และยังมีการเสริมสัดส่วนด้วยอุปกรณ์แต่งสำหรับรูปแบบของรถ Off-Road
Some people don’t know how to keep a secret: https://t.co/fcEaeZhMmi #Tundra #LetsGoPlaces pic.twitter.com/xnhA3og0LB
— Toyota USA (@Toyota) June 18, 2021
หลังจากภาพชุดนี้หลุดไปไม่นาน ทาง Toyota USA ก็ใช้ช่องทางออนไลน์ในการแซะคนที่ปล่อยภาพ ด้วยการปล่อยภาพตัวจริงของตัวรถที่เปิดเผยให้เห็นสัดส่วนและรายละเอียดที่มากกว่าพร้อมกับแคปชั่นที่แสนจะเจ็บแสบ “บางคนก็ไม่รู้วิธีที่จะรักษาความลับ” เหมือนกับเป็นการแหนบผู้ที่ปล่อยภาพออกสู่สาธารณะชนก่อนกำหนด
[adsforwp id=”1302″]
น่าสนใจที่ Toyota เองเก็บความลับของโมเดลมาได้เป็นเวลานานแต่ก็มาหลุดกับเรื่องง่ายๆ แต่ถึงจะอย่างนั้น ยังมีข้อมูลบางส่วนที่ยังไม่หลุดออกไป ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของเครื่องยนต์ใหม่ที่ยังไม่มีการเปิดเผย หรือแม้แต่ภาพถ่ายภายในที่ทางผู้ผลิตได้อ้างว่า ได้ทำการรีดีไซน์ใหม่ทั้งหมดก็ยังไม่ถูกเปิดเผยจนถึงวันนี้
สำหรับ 2022 Toyota Tundra TRD Pro นั้นจัดว่าเป็นรถปิคอัพในขนาดใหญ่ที่เน้นรูปแบบการใช้งานแบบกึ่ง Off-Road โดยคาดว่าจะยังคงใช้งานขุมกำลังแบบ V8 381 แรงม้า (HP) แรงบิด 401 Ib-Ft จากรุ่นก่อนหน้า โดยจะมีการปรับปรุงในเรื่องของระบบกันสะเทือนใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะการใช้งานที่สามารถใช้ได้ทั้งบนทางเรียบและทาง Off-Road โดยจะมีการปรับปรุงในส่วนของ Stabilizer Bar ด้านหลังใหม่ รวมไปถึงระบบโช้คอัพหน้าอิสระให้ทำงานได้ดีกว่าเดิม
2020 Toyota Tundra TRD Pro
ในส่วนของการเปิดตัวนั้นคาดว่าทาง Toyota USA จะเปิดตัวโมเดลที่ว่าในตลาดอเมริกาภายในปี 2021 นี้ คาดว่าจะเป็นช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ และจะพร้อมการจำหน่ายอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ในส่วนของราคานั้นยังไม่มีการเปิดเผย แต่บรรดาสื่อยานยนต์เองคาดกันว่าราคาของมันน่าจะอยู่ที่ราวๆ 35,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (1.1 ล้านบาท) ซึ่งจะสูงขึ้นกว่าเดิมประมาณ 1,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (31,670 บาท) ตามอุปกรณ์ที่เปลี่ยนแปลงใหม่
Credit : www.motortrend.com
[adsforwp id=”1302″]