ก่อนหน้านี้ทางค่าย Toyota ได้ทำการเปิดตัวรถ SUV รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการในประเทศอเมริกาเป็นที่แรกในโลก กับการใช้ชื่อว่า All New Venza ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของช่วงล่างตัวรถ ที่จะเป็นระบบ TNGA-K ลักษณะเดียวกันกับที่ใช้ในรุ่นอย่าง Camry และหลังจากนั้นก็ได้มีการเปิดตัวกันในประเทศจีนเป็นลำดับต่อมา ก็ได้มีกระแสความสนใจในประเทศไทยเราเป็นอย่างมาก ว่าอยากให้มีการทำตลาดรุ่นนี้ด้วย
[adsforwp id=”1302″]
โดยความแตกต่างระหว่าง All New Toyota Venza กับ Fortuner จากทางค่ายเดียวกัน (ที่ถือว่ามีขนาดของตัวรถและคลาสใกล้เคียงกัน) ที่ชัดเจนที่สุดนั้นก็คือ ในเรื่องของช่วงล่าง โดยอย่างที่ทราบกันดีว่า Fortuner นั้นจะใช้ช่วงเดียวกันกับรถกระบะอย่าง Hilux แต่ All New Venza จะมาพร้อมกับช่วงล่างแบบ TNGA-K ที่ใช้ในรถ Camry ซึ่งมันจะมีฟีลลิ่งที่นุ่มนวลแต่กระฉับกระเฉง ซึ่งทำให้การขับขี่นั้นสบายและสนุกมากยิ่งขึ้น
[adsforwp id=”1302″]
ทางด้านขุมกำลังของตัวรถนั้น จะมาในพิกัด 2.5 ลิตร DOHC 4 สูบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าไฮบริด 3 ตัว โดยจะมีด้านหน้าสองตัว และด้านหลังหนึ่งตัว ให้แรงม้าทั้งหมดอยู่ที่ 219 แรงม้า จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนด้วยระบบ AWD
แนวความคิดในการออกแบบ All New Toyota Venza นั้น จะมีความเรียบง่ายแต่ทันสมัย ด้วยการเสริมเส้นสายในบางจุดโดยเฉพาะในส่วนของไฟหน้าและไฟท้าย ให้มีความสปอร์ต แต่ก็ดูไม่ก้าวร้าวมากจนเกินไปนัก ในขณะที่ฟีเจอร์ต่างๆ นั้นจะประกอบไปด้วยระบบ Active Cornering Assist ที่จะช่วยควบคุมความสมดุลย์ในการเข้าโค้ง ระบบ PED คาดการณ์สถานการณ์ในการขับขี่ล่วงหน้า ด้วยการวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่และสภาพถนน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการชาร์จแบตเตอรี่ รวมไปถึงหน้าจอแสดงผลภายในรถนั้นสามารถเชื่อมต่อกับระบบอย่าง Android Auto, Apple CarPlay และ Amazon Alexa ได้ เบาะนั่งคนขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง โหมดในการขับขี่แบบ Eco, Sport และ Normal ฯลฯ
โดยราคาที่เปิดตัวในประเทศอเมริกานั้นจะเริ่มต้นอยู่ที่ $33,590 หรือแปลงเป็นเงินไทยก็จะอยู่ที่ประมาณ 1,046,000 บาท ส่วนแนวโน้มที่ว่า มันจะมีโอกาสทำตลาดในประเทศไทยด้วยหรือไม่นั้น ณ ตอนนี้มองแล้วอาจจะค่อนข้างยากเพราะมันจะไปทับไลน์กับ Fortuner ที่ขายกันได้เป็นอย่างดี แต่ในอนาคตข้างหน้าก็ไม่แน่เหมือนกัน เพราะว่ารถ SUV ที่มีพื้นฐานมาจากรถเก๋งนั้นก็กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง งานนี้คงต้องรอติดตามกันต่อไปยาวๆ
[adsforwp id=”1302″]