ต่อเนื่องความสำเร็จของยานยนต์พลังงานไฟฟ้าจาก Volkswagen ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศเยอรมันหลังจากปล่อยโมเดล ID4, ID5, ID3 Harchback และรถไฟฟ้า ID Buzz ครั้งนี้ทางบริษัทได้เปิดตัวรถยนต์ซีดานสี่ประตูภายใต้รหัส ID Aero เพื่อท้าชนกับเจ้าตลาดจากอเมริกาอย่าง Tesla Model 3
[adsforwp id=”1302″]
ตามหลักแล้ว Volkswagen จะผลิตและจำหน่าย ID Aero ในประเทศจีนเป็นอันดับแรก และจะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพขึ้นมาใหม่สำหรับการทำตลาดในยุโรปและอเมริกา โดยทางผู้ผลิตได้อธิบายแนวคิดในการผลิต ID Aero ไว้ว่า รถเก๋งสี่ประตูขนาดกลางระดับพรีเมียมสำหรับครอบครัวชาวจีนชั้นสูง ตัวรถจะถ่ายทอดภาษาการออกแบบที่อิงจากซีรี่ส์ ID ของทางค่าย โดยมีการปรับให้เป็นรูปทรงซีดานสไตล์คูเป้พร้อมฐานล้อยาวที่ให้พื้นที่ภายในที่กว้างขวาง
คุณสมบัติที่โดดเด่นของส่วนหน้าคือไฟหน้า LED Matrix ที่เพรียวบางและแถบไฟที่ขยายข้ามความกว้างของจมูกในขณะที่ส่วนท้ายยังได้รับการปรับขนาดของไฟท้ายให้เต็มความกว้าง ในส่วนด้านข้างของตัวรถจะเป็นงานออกแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนบนผลิตภัณฑ์ของ VW ด้วยการเล่นส่วนโค้งที่โค้งมน พร้อมกับล้อขนาด 22 นิ้ว ที่มีการออกแบบลวดลายของซี่ล้อแบบกังหัน น่าเสียดายที่ทางผู้ผลิตไม่มีการเปิดเผยรูปภายในห้องโดยสารออกมา ณ ตอนนี้
[adsforwp id=”1302″]
ในส่วนของประสิทธิภาพนั้น 2023 Volkswagen ID Aero ก็ต้องมีหลักการของ Aerodynamic โดยทางผู้ผลิตได้กล่าวอ้างว่า ตัวรถจะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านที่ต่ำถึง 0.23 ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการเลือกใช้แพลตฟอร์ม MEB ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทางค่าย และจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 77 kWh น่าเสียดายที่ทางผู้ผลิตเองไม่ได้เอ่ยถึงค่าประสิทธิภาพของมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้าและระยะทางที่ตัวรถสามารถวิ่งได้ต่อการชาร์จไฟ 1 รอบ
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยถึงประสิทธิภาพของตัวรถอย่างเป็นทางการ แต่ด้วยแพลตฟอร์มและขนาดของแบตเตอรี่ที่เปิดเผยออกมานั้น ก็พอจะเดาได้ว่า ตัวรถ ID Aero นั้นจะมีคุณลักษณะที่ใกล้เคียงกับรถในซีรี่ส์ ID ของทางค่าย โดยบรรดาสื่อยานยนต์จากประเทศจีนต่างคาดกันว่า ID Aero จะสามารถวิ่งทำระยะได้ราวๆ 483 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเพียงครั้งเดียว แต่ก็มีบางสำนักที่เดาว่า ผู้ผลิตจากเยอรมันจะใส่เทคโนโลยีใหม่ที่จะทำให้ตัวรถสามารถวิ่งได้ไกลถึง 620 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 รอบ
สุดท้ายยังไม่มีการเปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการสำหรับการทำตลาดในประเทศจีน ซึ่งเราเองก็คงต้องรอข้อมูลอื่นๆ ของตัวรถจากทางผู้ผลิตที่คาดว่าจะเปิดเผยมากขึ้นในเร็วๆ นี้ ส่วนตัวรถนั้นจะเริ่มทำการผลิตในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 ในโรงงานประเทศจีน ก่อนจะมีการพัฒนาประสิทธิภาพและขยายฐานการผลิตไปยังโรงงาน Emden ในประเทศเยอรมัน เพื่อใช้เป็นฐานในการผลิตโมเดลสำหรับตลาดยุโรปและอเมริกาในอนาคต
Credot : www.carscoops.com
[adsforwp id=”1302″]