เมื่อในช่วงก่อนหน้านี้ไม่นาน All New Honda Accord รถยนต์ซีดานระดับพรีเมี่ยมโฉมใหม่ ในรุ่นที่ 11 ได้ทำการเปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ในตลาดระดับสากล โดยได้มีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ทั้งภายนอกและขุมกำลังใหม่ทั้งหมด ซึ่งทางผู้ผลิตได้กล่าวไว้ว่า รถรุ่นใหม่คันนี้จะเป็น Accord ที่ทันสมัยที่สุดเท่าที่เคยผลิตออกมา และมีกระแสข่าวว่า กำลังจะมีการเปิดตัวในประเทศไทยเรา ช่วงปลายปี 2023 นี้ด้วย
[adsforwp id=”1302″]
โดยตัวรถ All New Honda Accord โฉมใหม่คันนี้ หากว่าลองพิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว จะดูให้อารมณ์ที่ได้กลิ่นอนุรักษ์นิยมเล็กๆ ด้วยกระจังหน้าตาข่ายสีดำแบบดั้งเดิมที่ขนาบข้างด้วยไฟหน้า LED ประกอบเข้ากับกันชนหน้าที่มีความโค้งมนมากขึ้นซึ่งมีช่องไอดีกว้างซึ่งช่วยเน้นความกว้างของรถ เลื่อนลงมาด้านข้าง เราจะเห็นฮูดที่ยาวขึ้นและโครงสร้างตัวถังที่เพรียวบางพร้อมแนวการเดินเส้นสายที่ละเอียดอ่อน
[adsforwp id=”1302″]
ทางด้านงานดีไซน์ด้านท้ายของตัวรถ จะถือว่ามีความแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างมาก เนื่องจากไฟท้ายแบบก้ามปูก้ามปูถูกแทนที่ด้วยไฟ LED ที่เพรียวบางยื่นออกไปตรงกลางรถพร้อมสปอยเลอร์หลังในตัว ล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว ขอบสปอร์ตโดดเด่น โดยมีตัวเลือกเป็นล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้วเป็นอุปกรณ์เสริม
มิติของตัวรถรุ่นนี้ จะมีความยาวรวม 4,971 มิลลิเมตร กว้าง 1,862 มิลลิเมตร สูง 1,450 มิลลิเมตร โดยมีระยะฐานล้อยาว 2,830 มิลลิเมตร ซึ่งจะยาวกว่ารุ่นก่อนหน้า 69 มิลลิเมตร
สำหรับการตกแต่งภายในของ Accord รุ่นใหม่นั้น จะเลือกใช้ดีไซน์ของห้องโดยสารในลักษณะที่คล้ายๆ กันกับ Civic ที่มีแผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 10.2 นิ้ว และระบบอินโฟเทนเมนต์ขนาด 7 นิ้ว พร้อมด้วย Android Auto และ Apple CarPlay เป็นอุปกรณ์พื้นฐาน โดยในรุ่นที่เกรดสูงขึ้น จะได้รับหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาดใหญ่กว่า 12.3 นิ้ว พร้อม Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ในส่วนของวัสดุที่ใช้ในการห่อหุ้มและรองรับภายในห้องโดยสารนั้น จะทำการเลือกใช้วัสดุระดับพรีเมี่ยมและมีพื้นที่วางขาเบาะหลัง 40.8 นิ้ว ซึ่งจะใหญ่กว่าเดิม 0.4 นิ้ว ด้วยการขยายของฐานล้อ ทำให้ตัวรถมีพื้นที่ในการเก็บสัมภาระที่มากถึง 473 ลิตร ซึ่งมากที่สุดในกลุ่มซีดานขนาดกลางในท้องตลาดปัจจุบัน
สำหรับการแบ่งเกรดของตัวรถรุ่นนี้ จะเริ่มต้นที่เกรด LX โดยตัวรถจะได้รับอุปกรณ์มาตรฐานทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้น ขยับมาที่เกรด EX เพิ่มเบาะนั่งคนขับแบบปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหน้าแบบปรับความร้อนได้ ระบบควบคุมสภาพอากาศแบบดูอัลโซน และหลังคามูนรูฟแบบกระจก ในเกรด Accord Sport ได้เพิ่มเบาะสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ แป้นเหยียบอะลูมิเนียม และพวงมาลัยหุ้มหนัง
ส่วนในเกรดที่สูงขึ้นอย่าง EX-L หรือ Sport-L นั้น จะมาพร้อมกับเบาะนั่งคู่หน้าแบบหนังแท้ ปรับระดับทิศทางด้วยไฟฟ้า 4 ระดับ ดีฟฟิวเซอร์ท้ายสีดำที่ดุดัน ขอบล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้ว ในเกรดสูงสุดอย่าง Touring จะมาพร้อมกับเบาะนั่งคู่หน้าแบบปรับความร้อนและระบายอากาศได้ รวมถึงเบาะนั่งด้านหลังแบบปรับความร้อนได้ นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังจะได้พบกับจอแสดงผลบนกระจกหน้า (HUD) ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย และระบบเสียง Bose 12 ลำโพง
สำหรับทางด้านขุมกำลังเครื่องยนต์ จะแบ่งออกตามเกรด โดยเกรด X และ EX นั้นจะได้รับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 4 สูบ VTEC แบบเทอร์โบชาร์จ ที่ได้รับการปรับปรุง ระบบการจ่ายเชื้อเพลิงแบบ DI ที่ปรับปรุงใหม่ ตัวเร่งปฏิกิริยาแบบ Cold-active ใหม่ เพลาข้อเหวี่ยงที่มีความแข็งแกร่งสูง และการปรับปรุงแก้ไข กระทะน้ำมันเพื่อลดเสียงเครื่องยนต์ ในขณะที่กำลังสูงสุดของเครื่องยนต์จะรีดออกมาได้ 192 แรงม้า (HP) 260 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ CVT ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งให้เสียงที่เงียบกว่าและทำงานได้ดีกว่า
และในส่วนของเกรดที่สูงกว่า ตัวรถจะได้รับเครื่องยนต์แบบสี่สูบ Atkinson cycle ขนาด 2.0 ลิตรใหม่ทั้งหมด มาพร้อมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าหนึ่งคู่ แบบไฮบริด ที่จะวางในตำแหน่งล้อหลัง ทำงานแบบไฮบริด ช่วยเพิ่มแรงบิดให้ขยับขึ้นไปที่ 335 นิวตันเมตร ในขณะที่กำลังสูงสุดจะถูกปรับให้อยู่ที่ 212 แรงม้า ซึ่งจะน้อยกว่าเครื่องยนต์ที่ติดตั้งบน Civic ใหม่ ที่รีดแรงม้าได้สูงสุด 252 แรงม้า (HP) โดยทางผู้ผลิตได้ออกมากล่าวถึงค่าตัวเลขที่น้อยกว่านั้น แต่ผู้ใช้งาน All-New Accord ใหม่จะได้รับประสบการณ์การขับขี่แบบไฮบริดที่ตอบสนองได้ดีที่สุดเท่าที่เคยพบเจอ
ประเทศไทยเรานั้น คาดว่าจะมีการเปิดตัวช่วงปลายปี 2023 นี้ หากมีความคืบหน้า ทางเราจะมาอัพเดทให้ทราบกันโดยเร็ว
[adsforwp id=”1302″]