หลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศญี่ปุ่นกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับ All New Honda Civic และ All New Honda HR-V โฉมใหม่ ซึ่งก็ได้สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากในตลาดรถยนต์สากล เพราะแต่ละรุ่นนั้นก็มีกำหนดการเตรียมที่จะเปิดตัวกันในหลายๆ ประเทศ รวมไปถึงประเทศไทยเราด้วยสำหรับปี 2021 นี้
[adsforwp id=”1302″]
All New Honda Civic โฉมใหม่นั้นได้รับการออกแบบที่เน้นความหรูหราพรีเมี่ยมอย่างเต็มตัว แตกต่างไปจากเจนเนอเรชั่นที่ 10 ก่อนหน้านี้ที่จะมีความโฉบเฉี่ยวและวัยรุ่นมากกว่า แต่ในตัว All New ที่เพิ่งจะเปิดตัวนั้นจะเน้นการเดินเส้นสายภายนอกตัวรถที่เรียบง่ายสะอาดตามากขึ้น แต่ยังคงแฝงด้วยความเป็นสปอร์ตและทันสมัยในตัว (คล้ายๆ กับลักษณะการออกแบบของ Honda Accord โฉมล่าสุด)
[adsforwp id=”1302″]
โดยเสา A ของ All New Honda Civic นั้นจะถูกดันไปด้านหลังจากโฉมเดิมประมาณ 2 นิ้วด้วยกัน ในขณะที่ความกว้างและความสูงของตัวรถยังคงเท่าเดิม แต่จะมีการเพิ่มความยาวโดยรวม 1.3 นิ้วและระยะฐานล้อเพิ่มอีก 1.4 นิ้วด้วยกัน ส่วนพื้นที่ใต้เสา C จะลดลงประมาณ 1.2 นิ้ว ทำให้มิติโดยรวมยังใกล้เคียงกันกับเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ แต่หากดูด้วยสายตาจากภายนอกก็เหมือนมันจะดูมีมิติที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมประมาณหนึ่ง
ส่วนการตกแต่งภายในตัวรถนั้นมาพร้อมกับปรัชญา “Man-Maximum, Machine-Minimum” ด้วยการออกแบบพื้นที่และรายละเอียดภายในตัวรถที่ทันสมัยและใช้งานได้ง่าย ในขณะที่พวงมาลัยของตัวรถนั้นจะเป็นแบบขอบบาง ช่องแอร์จะเป็นดีไซน์ตะแกรงแบบรังผึ้ง ส่วนแผงหน้าปัดจะออกแบบเน้นความหรูหรา และหน้าจอแสดงผลมัลติมีเดียขนาด 9 นิ้วตรงกลางนั้นจะเป็นแบบป็อบอัพ รองรับการเชื่อมต่อของทั้ง Andriod และ iOS รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ส่วนเครื่องเสียงจะเป็นของ Bose ในเกรดพรีเมี่ยม ในขณะที่ระบบช่วงล่างนั้นได้รับการปรับปรุงมาใหม่เพื่อให้ตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น
ในเรื่องของขุมกำลังตัวรถนั้นจะมีเครื่องยนต์ให้เลือกอยู่ 2 รูปแบบคือ 1. แบบเครื่อง 2.0 ลิตร 4 สูบ ให้แรงม้าสูงสุด 158 ตัว และแรงบิดสูงสุด 187 นิวตันเมตร และ 2. แบบเครื่อง 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จ ที่เพิ่มแรงม้าจากเดิม 174 ตัวมาเป็น 180 ตัว ส่วนแรงบิดจะอยู่ที่ 239 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับระบบวาล์วแปรผัน VTEC
ส่วน All New Honda HR-V โฉมใหม่นั้น นอกจากรูปทรงที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแบบเห็นได้ชัดแล้ว อีกส่วนหนึ่งที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงก็คือในเรื่องของขุมกำลัง โดยครั้งนี้จะมีให้เลือก 2 แบบคือเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ที่ให้แรงม้าสูงสุด 131 ตัวที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 155 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT
และเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ที่ให้แรงม้าสูงสุด 98 ตัวระหว่าง 5,600 – 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตรระหว่าง 4,500 – 5,000 รอบต่อนาที ทำงานแบบไฮบริดร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ให้แรงม้าสูงสุด 109 ตัวระหว่าง 3,500 – 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตรระหว่าง 0 – 3,000 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
ส่วนทางด้านฟีเจอร์เด่นอย่างระบบ Honda Sensing นั้นจะมีติดตั้งมาให้ตั้งแต่ในรุ่นเริ่มต้นเลย โดยมันจะประกอบไปด้วย ระบบแจ้งเตือนและป้องกันขณะถอย, ระบบช่วยเบรกป้องกันการชนในระยะสั้น, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผันตามรถคันหน้า, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบป้องกันการสตาร์ทที่ผิดพลาด, พวงมาลัยอัตโนมัติป้องกันการชนคนเดินถนน, ระบบเบรกอัตโนมัติป้องกันการชน CMBS, ระบบป้องกันการออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยดึงกลับเข้าเลนแบบอัตโนมัติ, ระบบแจ้งเตือนก่อนการชน, ระบบจดจำสัญญาณจราจร
ส่วนกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการนั้น หากทางเราจะทราบข้อมูลแล้วจะรีบมาอัพเดทให้ทราบกันโดยเร็ว
Credit : creative311.com aoi_tanuki970
[adsforwp id=”1302″]