หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ All New Honda Civic โฉมที่ 11 เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ล่าสุดผู้ผลิตก็ได้เปิดเผยถึงข้อมูลความแตกต่างของเกรดสำหรับการจำหน่ายอย่างเป็นทางการในโซนอเมริกา ออกมาแล้ว ส่วนจะมีความแตกต่างกันในเรื่องใดบ้างไปติดตามพร้อมๆ กันได้เลยครับ
[adsforwp id=”1302″]
All New Honda Civic นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 11 ของโมเดล โดยยึดเอาแนวคิดการออกแบบ MM Idea หรือ Man-Maximum Machine-Minimum ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าการออกแบบของเจนฯที่ 11 นั้นจะลดความปราดเปรียวของตัวถังลงไปพอสมควร ซึ่งมันค่อนข้างออกไปในโทนที่เรียบง่าย สามารถเจาะตลาดได้กว้างขึ้น โดยไม่เน้นการออกแบบที่อิงกับรถสปอร์ตอีกต่อไป อีกส่วนที่สำคัญเป็นอย่างมากคือการเพิ่มความยาวของตัวรถให้ยาวกว่าเดิม 35.6 มิลลิเมตร โดยในส่วนนี้เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ส่วนของผู้โดยสารแถวหน้าที่กว้างขึ้น 33 มิลลิมเตรในส่วนของพื้นที่วางขา และยังปรับขนาดของประตูหลังให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเพื่อการเข้าและออกห้องโดยสารสามารถทำได้ง่ายดายกว่าเดิม
สำหรับการแบ่งเกรดของ All New Honda Civic นั้น จะแบ่งออกตามประเภทของเครื่องยนต์และการตกแต่งเป็นหลัก โดยรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปล้วนนั้นจะประกอบไปด้วยเกรด LX และ Sport โดยจะมีขุมกำลังเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แบบสี่ลูกสูบเรียง มาตรฐาน ให้กำลังสูงสุด 158 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 187 นิวตันเมตร และอีก 2 เกรดอย่าง EX และ Touring จะมาพร้อมกับขุมกำลัง 1.5 ลิตร V-Tec Tourbo สี่ลูกสูบเรียง ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร โดยทุกเกรดจะเชื่อมต่อกับระบบส่งกำลังแบบ CVT อัตโนมัติ และระบบ Honda SENSING มาตรฐานผ่านตัวเซนเซอร์โซน่า 8 จุด รวมไปถึงระบบช่วยเหลืออย่าง ระบบตรวจสอบการจารจรด้านหลัง ระบบเบรกอัตโนมัติบนความเร็วต่ำ ระบบ Adaptive Cruise Control ระบบรักษาช่องทางการเดินรถ และระบบช่วยเหลือการเข้าและออกช่องทางเดินรถ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกๆ เกรดที่ใช้เหมือนกัน
[adsforwp id=”1302″]
ความแตกต่างที่จะแบ่งแยกเกรดต่างๆให้ออกจากกันก็คือการตกแต่งภายในที่จะมีบางอย่างที่เชื่อมโยงกัน โดยพื้นฐานแล้ว ตัวรถจะมาพร้อมกับหน้าจอสาระบันเทิงขนาด 7 นิ้ว และจะมีการปรับเพิ่มขึ้นในทุกๆ เกรดที่สูงขึ้น โดยมีขนาดใหญ่ที่สุด 10.5 นิ้ว สำหรับเกรด Touring และที่แตกต่างกันมากที่สุดสำหรับเกรด Touring นั้นก็คือหน้าจอแสดงผลส่วนคนขับที่จะเป็นหน้าจอแบบ LCD ขนาด 10.2 นิ้ว Full Digital แบบ Liquid Crystal โดยจะสามารถปรับรูปแบบการแสดงมาตรวัดค่าต่างๆได้ ซึ่งสามารถปรับให้สามารถแสดงค่าแบบอนาล็อกได้อีกด้วย
อีกส่วนหนึ่งที่จะแตกต่างกันก็คือเรื่องของวัสดุภายในห้องโดยสาร โดยจะเริ่มต้นที่เบาะผ้าใยสังเคราะห์ ไล่ไปจนถึงหนังแท้ ระบบเครื่องเสียงจากแบรนด์ Bose แบบ พรีเมี่ยม ที่จะเริ่มต้นในเกรด LX ด้วยชุดลำโพงแบบ 7 ตัว ไปสุดที่เกรด Touring ด้วยชุดลำโพง 10 ตัว และสีสันจองตัวถังที่รุ่น Touring จะมาพร้อมกับสีพิเศษ Sonic Gray Pearl รุ่น LX กับสี Morning Mist Blue Metallic และรุ่น LX และ Sport จะมีสีใหม่อย่าง Meteoroid Gray Metallic ซึ่งจะรวมกับอีก 4 สีพื้นฐานรวมเป็น 8 ชุดสีสำหรับโมเดลใหม่
สำหรับการเปิดตัวในประเทศไทยนั้นคาดว่า Honda Motors ประเทศไทยจะเปิดตัวโมเดลนี้ในช่วงปลายปี 2021 นี้ หรืออย่างช้าที่สุดในช่วงต้นปี 2022 ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาดของ COVD-19 ในประเทศไทย ว่าจะเบาบางลงในช่วงเวลาใด
Credit : creative311.com
[adsforwp id=”1302″]