เรียกได้ว่าใกล้วันเปิดตัวเข้าไปทุกขณะ ซึ่งในตอนนี้เองสื่อของทางประเทศญี่ปุ่นก็ได้ทยอยปล่อยข้อมูลของตัวรถรุ่นนี้ออกมาเรื่อยๆ แล้ว จนเรียกได้ว่าแทบจะครบทุกองค์ประกอบ โดยจะเหลือแค่เพียงรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงและฟีเจอร์บางอย่างเท่านั้นที่จะต้องรอในวันเปิดตัว 18 ก.พ. นี้ที่ญี่ปุ่นเป็นที่แรกในโลก
[adsforwp id=”1302″]
โดยข้อมูลที่ถูกรายงานในครั้งนี้ จะต้องเกริ่นก่อนว่ามันจะเป็นรายละเอียดของการวางขายในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมันอาจจะมีความแตกต่างไปจากเวอร์ชั่นที่วางขายในประเทศอื่นๆ รวมไปถึงประเทศไทยเราในอนาคตก็ได้
[adsforwp id=”1302″]
All New Honda HR-V หรือว่า Vezel เวอร์ชั่นญี่ปุ่นนั้น จะมีด้วยกัน 4 รุ่นย่อยคือ
- รุ่น G ที่จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบเรียง ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ ขับเคลื่อนแบบ FF (ล้อหน้า) / AWD
- รุ่น e:HEV X ที่จะเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 4 สูบเรียง ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนแบบ FF (ล้อหน้า) / AWD
- รุ่น e:HEV Z ที่จะเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 4 สูบเรียง ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนแบบ FF (ล้อหน้า) / AWD
- รุ่น e:HEV Play ที่จะเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 4 สูบเรียง ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนแบบ FF (ล้อหน้า) เท่านั้น
ในส่วนของฟีเจอร์สำหรับ All New Honda HR-V นั้นจะมีดังนี้
รุ่น G
- ไฟหน้า LED เต็มรูปแบบ
- ระบบ Honda Sensing ช่วยเหลือทางด้านความปลอดภัย
- Diffusion Oulet (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ)
- ล้ออลูมิเนียมขนาด 16 นิ้ว
- จอภาพ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว
- ระบบควบคุมการลงเนิน
- ฯลฯ
รุ่น e:HEV X ที่จะมีเพิ่มมาจากรุ่น G คือ
- จอภาพ TFT ขนาด 7 นิ้ว
- ตัวเลือกในการชะลอความเร็ว
รุ่น e:HEV Z ที่จะมีเพิ่มมาจากรุ่น e:HEV X คือ
- ประตูด้านท้ายแบบไฟฟ้า
- ล้ออลูมิเนียมขนาด 18 นิ้ว
- ตัวถังด้านล่างสีดำเงา
- ระบบควบคุมลำดับของไฟเลี้ยว (ตรงนี้ยังไม่มีรายละเอียดการทำงานแจ้งออกมาในตอนนี้)
- เบาะนั่งแบบ Combination Seat
- การแจ้งเตือนมุมอับ
- ระบบไฟแบบ Active Cornering Lights
- แอร์แถวสอง เพิ่มช่องเสียบ USB X 2
- ฯลฯ
รุ่น e:HEV Play ที่จะมีเพิ่มมาจากรุ่น e:HEV Z คือ
- หลังคาแบบพาโนราม่า (ซันรูฟ)
- หน้าจอแสดงผล Honda Connect
- ตัวรถจะเป็นสีแบบทูโทน (หลังคา / เสารถ / กระจกตรงประตู)
- ระบบ Play Exclusive Coordination
- ที่ชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย
- ฯลฯ
ในส่วนของระบบ Honda Sensing ที่ได้รับการพัฒนามาใหม่นั้นจะประกอบไปด้วย
- ระบบ CMBS ช่วยเบรกฉุกเฉิน
- ฟังก์ชั่นป้องกันการสตาร์ทรถแบบผิดพลาดย้อนหลัง
- ช่วยเบรกลดการชนในระยะสั้น
- ไฟสูงอัตโนมัติ
- การบังคับเลี้ยวเพื่อเลี่ยงการชนคนเดินถนน
- ตรวจจับการออกนอกเลน
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชั่นตรวจสอบการจราจรติดขัด
- ระบบควบคุมการขับขี่ให้อยู่ในเลน
- ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนรถด้านหน้า
- ฟังก์ชั่นในการจดจำสัญญาณ (ตรงนี้ยังไม่มีรายละเอียดการทำงานแจ้งออกมาในตอนนี้)
ส่วนสีของรถที่จะมีการเปิดตัวจะมีดังนี้
สีแบบโมโนโทน (สีเดียว) สำหรับรุ่น G, e:HEV X และ e:HEV Z
- สีขาวมุก
- สีขาวพรีเมี่ยมซันไรส์
- สีดำมุกคริสตัล
- สีแดงคริสตัล เมทัลลิก
- สีมุก Sand Khaki Pearl (สีใหม่)
- สีเทาเมทัลลิก (สีใหม่)
สีแบบทูโทน (สองสี) สำหรับรุ่น e:HEV Play
- สีพรีเมี่ยมซันไรส์ ขาวมุก X หลังคาสีดำ
- สีดำมุกคริสตัล X หลังคาสีเงิน
- สีน้ำเงินเงา มิดไนท์บลู X หลังคาสีเงิน
- สีเทาเมทัลลิก X หลังคาสีดำ (สีใหม่)
- สีมุก Sand Khaki Pearl X หลังคาสีดำ (สีใหม่)
และตัวรถ All New Honda HR-V นั้นจะมี 2 รูปแบบในสไตล์ที่แตกต่างกัน โดยทั้ง 2 รูปแบบหลักที่จะเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภคก็คือในรูปแบบของ Urban Style และ Casual Style
ซึ่ง Urban Style นั้นจะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน หรือกลุ่มครอบครัวเป็นหลัก ที่ต้องการความรู้สึกแบบเรียบหรู ด้วยการใช้โทนสีของทั้งตัวบอดี้รถและองค์ประกอบอื่นๆ ในสีเดียวกันอย่างในส่วนของ
- กระจังหน้า
- สเกิร์ตด้านหน้าส่วนล่าง
- สเกิร์ตด้านหลัง อุปกรณ์ตกแต่งส่วนล่าง รวมไปถึงสปอยเลอร์
- ประตูด้านท้าย สติ้กเกอร์เสา C
- ไฟตัดหมอก
- ชุดแต่งด้านหลัง
ส่วน Casual Style นั้นจะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นหรือวัยทำงานตอนต้นมากกว่า ซึ่งจะเน้นความเป็นแฟชั่นแบบสบายๆ รู้สึกผ่อนคลายและทันสมัยในตัว ซึ่งจัดมีการออกแบบในเรื่องสีสันของชิ้นส่วนต่อไปนี้ที่แตกต่างไปจากแบบแรกคือ
- กระจังหน้า
- บอดี้ด้านหน้า
- สเกิร์ตด้านล่าง และด้านข้าง
- สเกิร์ตด้านหลัง
- สปอยเลอร์
- ล้ออลูมิเนียมแบบพิเศษ
- ฝาครอบกระจกมองข้าง
Credit : creative311.com Imagino
[adsforwp id=”1302″]