ตลาดรถยนต์สปอร์ตโรดสเตอร์กำลังหดตัวลงเป็นอย่างมาก ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง รวมไปถึงความต้องการของผู้บริโภคที่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ยุคใหม่นี้เป็นยุคของรถยนต์ที่อิงกับแนวทางของ SUV หรือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่
[adsforwp id=”1302″]
1989 Mazda Miata (MX-5)
แต่ถึงจะมีความต้องการทางการตลาดที่สูงขนาดไหน ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ก็ยังมีโมเดลทางเลือกให้กับผู้บริโภค เช่นเดียวกับ Mazda ผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีแผนงานสืบทอดตำนานให้ยังคงอยู่กับเจ้า Miata หรือที่หลายๆ คนจะคุ้นเคยกับชื่อ MX-5 ที่ถูกยกให้เป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์ขนาดเล็กที่มียอดการจำหน่ายสูงที่สุดของบริษัทตลอดกาล
[adsforwp id=”1302″]
2020 Mazda Miata (MX-5)
Mazda Miata หรือ MX-5 เริ่มผลิตครั้งแรกเมื่อปี 1989 และยังคงผลิตอยู่ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะมียอดการผลิตที่ลดลงตามจำนวนความต้องการ แต่ตัวรถก็ไม่ได้ขาดหายไปจากสาระบบยานยนต์แต่อย่างใด โดยเวอร์ชั่นปัจจุบันนั้น นับว่าเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ของตัวรถ โดยผลิตออกมาในปี 2015 และมีข่าวลือว่าจะมีเจนเนอเรชั่นที่ 5 ปรากฏตัวในช่วงปลายปี 2025 นี้
ความสำเร็จของ Miata หรือ MX-5 ส่วนหนึ่งมาจากหลักการออกแบบที่แข็งแกร่ง งานดีไซน์ที่อยู่เหนือกาลเวลา ยังคงรักษาความน่าดึงดูดใจไว้ได้ด้วยการคงไว้ซึ่งสัดส่วนของรถสปอร์ตคลาสสิกและรักษาองค์ประกอบการออกแบบที่มากเกินไปให้เหลือน้อยที่สุด ในการเปลี่ยนผ่านในแต่ล่ะรุ่น ที่น่าสนใจคือ Mazda พึ่งจะประกาศแผนงาน “Vision Study Model” ที่จะเป็นแผนระยะยาวสำหรับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่จากปัจจุบันถึงปี 2030 โดยมีการนำเสนอรถยนต์โรดสเตอร์ที่ว่ากันว่าจะเป็นผู้สืบทอดของ MX-5 ในอนาคต
จากแผนงานนี้เปิดเผยตัวรถบางส่วนให้เราได้เห็นกันบ้าง โดยจะเห็นได้ว่าตัวรถยังคงรูปแบบของรถสปอร์ตโรดสเตอร์ขนาดเล็กแบบสองประตู โดยตัวรถจะมาพร้อมกับประตูปีกผีเสื้อ หลังคาแข็ง กระจกบังลมแบบโค้งมน พื้นผิวแผ่นโลหะที่บางเฉียบ และบังโคลนที่โดดเด่น แต่ทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงรถต้นแบบหรือแนวคิดเท่านั้น การเดินทางจากระดับที่เป็นอยู่ไปสู่การผลิตจริง จะมีการลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการลดต้นทุนในการผลิต และทำให้ตัวรถมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจคือขุมกำลังหลักบนตัวรถรุ่นใหม่ มีรายงานว่าตัวรถจะไม่ละทิ้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน เพื่อเปลี่ยนไปใช้งานระบบส่งกำลังด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบ 100% เหมือนกับผู้ผลิตรายอื่นๆ แต่จะเป็นโมเดลที่ใช้งานเครื่องยนต์ไฮบริด 48V ร่วมกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบที่ปรับปรุงใหม่ กำลังจะถูกส่งไปยังล้อหลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีดหรือมัลติคลัตช์อัตโนมัติ 8 สปีดใหม่ที่ยืมมาจาก CX-90
ภายในตัวรถจะมาพร้อมกับรูปแบบห้องโดยสารที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม ด้วยแรงบันดาลใจระดับพรีเมียม จะได้รับวัสดุที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น พื้นที่โดยสารที่ได้รับการปรับปรุง และการยกเครื่องที่จำเป็นอย่างมากในส่วนหน้าระบบสาระบันเทิง เราน่าจะได้เห็นแผงหน้าปัดดิจิตอลที่ปรับแต่งได้อย่างเต็มที่ หน้าจอระบบสาระบันเทิงที่ใหญ่ขึ้นพร้อมกราฟิกที่ได้รับการปรับปรุง ความสามารถ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไม่ต้องใช้สาย มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยกึ่งอัตโนมัติ i-Activsense เต็มรูปแบบ และที่ขาดไม่ได้กับรถยนต์สมัยใหม่คือแท่นชาร์จแบบไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟน
แน่นอน ความทะเยอทะยานของ Mazda ในการเข้าถึงความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 อย่างไรก็ตาม จนกว่าอุตสาหกรรมจะเลิกใช้เคมีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนหนัก ก็พอจะคาดเดาได้ว่า MX-5 หรือ Miata รุ่นต่อไป ก็น่าจะมีโอกาสได้โลดแล่นในเจนเนอเรชั่นที่ 5 อย่างแน่นอน โดยตัวรถรุ่นใหม่คาดกันว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 และเป็นโมเดลสำหรับการจำหน่ายในปี 2026 แต่จนกว่าจะถึงเวลานั้น เชื่อได้เลยว่าต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอีกมากมาย และเราคงต้องติดตามกันต่อไป
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.carscoops.com
[adsforwp id=”1302″]