ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโมเดลเรือธงจากผู้ผลิตอเมริกัน สำหรับ Tesla Model S ที่มีอยู่วางจำหน่ายมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2012 โดยที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนนั้นนิดนี้หน่อย และมีการแตกไลน์ออกรุ่นเสริมอย่างต่อเนื่อง แต่จนแล้วจนรอด ตลอด ระยะเวลากว่า 12 ปี ที่ตัวรถเข้าสู่ตลาดก็ยังไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ออกมาสักที
[adsforwp id=”1302″]
และจุดนี้เอง motortrend สื่อยักษ์ใหญ่จากฝั่งอเมริกา จึงมีแนวติด ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของ Tesla Model S เพื่อครองความเป็นเจ้าตลาด ถึงแม้ว่าตัวรถจะยังคงรักษาฐานลูกค้าและยังคงเป็นหนึ่งตัวเลือกรถยนต์ในฝันของใครหลายๆ คน แต่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง ที่ผู้ผลิตทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า ต่างเข้ามาจ้องจะแย่งพื้นที่ในการตลาดของผลิตภัณฑ์ ซึ่งน่าจะทำให้ Tesla ต้องหันมาคิดถึงแนวทางใหม่ๆ ของตัวรถรุ่นต่อไปเสียที
[adsforwp id=”1302″]
จะว่าไปแล้ว Tesla Model S เคยถูกยกเครื่องครั้งใหญ่มาแล้ว 1 รอบ ในปี 2016 และพึ่งจะมีการปรับปรุงภายในห้องโดยสารใหม่เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา แต่นั้นอาจจะไม่เพียงพอ ที่จะใช้เป็นอาวุธในการต่อสู้กับผู้ผลิตรายอื่นๆ คงไม่มีใครต้องการออกผลิตภัณฑ์ที่ดูเก่าและล้าสมัย ดังนั้นทำให้ motortrend คาดเดาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นบน Tesla Model S เจนเนอเรชั่นถัดไปที่จะมาในอนาคต
ในแง่ของรูปลักษณ์นั้น motortrend มองว่า Model S น่าจะดึงเอาวิธีการออกแบบของ Tesla Roadster รุ่นใหม่ ที่มีรูปลักษณ์ที่เฉียบคมกว่ามาปรับใช้ ด้วย Fascia แบบไร้ตะแกรง ไฟหน้าที่เพรียวบางและเฉียบคมขึ้นในขณะที่ยังคงความโฉบเฉี่ยวของรถซีดาน รายละเอียดและเส้นสายที่สะอาดตา เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ในขณะที่รุ่นประสิทธิภาพ Plaid จะยังคงดำเนินต่อไปอย่างแน่นอน และจะมาพร้อมกับสปอยเลอร์หลัง ขุมพลังที่มหาศาล อัตราเร่งที่เหลือเชื่อ และการอัพเกรดเบรก ที่ดูจะเป็นข้อสังเกตที่มีอยู่เพียงจุดเดียวบนตัวรถ
ในส่วนของแพลตฟอร์มและแบตเตอรี่นั้น จากข้อมูลของผู้ผลิต ชัดเจนว่าทางบริษัทกำลังพัฒนา 4680 battery cell ใหม่ ที่ตั้งใจจะสร้างชุดที่ทำหน้าที่เป็นองค์ประกอบโครงสร้างของรถ แต่ผู้ผลิตรถยนต์ประสบปัญหาในการผลิตจำนวนมากตั้งแต่มีการประกาศในปี 2020 Tesla อ้างว่าการพัฒนาแบตเตอรี่ใหม่นี้ จะช่วยเพิ่มระยะทางในการวิ่งได้ 16 เปอร์เซ็นต์ และยังช่วยเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในชุดแบตเตอรี่จะแสดงถึงการยกเครื่องครั้งใหญ่ของเลย์เอาต์โดยรวม ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มพื้นที่ผู้โดยสารและพื้นที่สำหรับบรรทุกสัมภาระ และอาจจะหมายถึง เก้าอี้แถวสามแบบ Jump Seat ที่อาจจะถูกดึงกลับมาใช้อีกครั้ง
อย่างไรก็ดีทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงการวิเคราะห์ของสื่อต่างประเทศเท่านั้น โดยทาง Tesla เองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในแนวคิดนี้ และที่สำคัญ Tesla เองก็ไม่ค่อยจะสนใจในการออกตัวรถรุ่นใหม่ให้ตรงกับช่วงเวลาที่เหมาะสม อธิบายง่ายๆ ว่า หากพัฒนาเสร็จแล้ว นึกจะเปิดก็เปิด ไม่ได้แคร์ว่าตัวรถที่มีอยู่ ยังอยู่ในตลาดหรือไม่ นี้อาจจะเป็นหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่ทำให้แบรนด์นี้ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และแบรนด์นี้ก็อินดี้ไม่แพ้ใครเหมือนกัน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motortrend.com
[adsforwp id=”1302″]