นับเป็นโมเดลลำดับที่เจ็ดสำหรับการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบของผู้ผลิต Audi ผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติเยอรมัน ซึ่งเป็นไปตามถ้อยแถลงจากผู้บริหารที่ทางผู้ผลิตกำลังพยายามอย่างหนักในการผลักดันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสู่ตลาดสากล โดยมีเป้าหมายที่จะผลิตโมเดลพลังงานทางเลือกให้พร้อมจำหน่าย 20 โมเดลก่อนปี 2025 ซึ่งก่อนหน้านี้ทางค่ายสี่ห่วงได้เปิดตัว E-Tron Crossover, E-Tron GT ไล่เลี่ยมาจนถึงรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวในรูปแบบของรถต้นแบบ Audi Q4 E-Tron Sportback ในรูปแบบของ SUV
[adsforwp id=”198″]
โดยเจ้า Audi Q4 E-Tron Sportback นั้นได้รับการถ่ายทอดหลักการออกแบบมาจาก Audi Q4 รถยนต์ SUV ที่มีความก่ำกึ่งกับ Audi TT รถสปอร์ต และ Q Serie ที่เป็น SUV ของทางค่าย โดยเจ้า Audi E-Tron Sportback จะขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ที่โฉบเฉี่ยวพร้อมดีไซน์สปอร์ตทั้งด้านหน้าและด้านหลัง องค์ประกอบเช่นหลังคาที่ลาดเอียงและภาพเงาที่คมชัดทำให้ Q4 E-Tron Sportback เป็น “crossover coupe” ที่มีความใกล้เคียงกับคู่แข่งในตลาดอย่าง BMW X4, Mercedes-Benz GLC Coupe และ Porsche Macan
รูปลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัยทำให้ Q4 Sportback มีสัมประสิทธิ์ในการขับเคลื่อนที่ดีกว่า Q4 E-tron รุ่นมาตรฐาน กระจังหน้าแบบ “faux” ของ Sportback นั้นมีลักษณะเป็นโลหะคล้ายกับ E-Tron Crossover ไฟหน้า LED ที่บางเฉียบเลียนแบบแนวคิด Q4 แถบไฟ LED ด้านหลังนั้นถือว่าเป็นเอกลักษณ์จากรุ่น Audi ส่วนใหญ่
ภายในห้องโดยสารเราจะพบกับ หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้วตั้งอยู่ด้านหน้าและตรงกลางพร้อมแผงหน้าปัดดิจิตอลขนาดใหญ่เท่ากันอยู่ด้านหลังพวงมาลัย เทคโนโลยีทั้งหมดนั้นผสมผสานกับการตกแต่งภายในที่ดูร่วมสมัย และยังมีความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมด้วยการเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตโครงที่นั่ง ผนัง พื้น แทนวัสดุที่สร้างขึ้นมาใหม่
Audi ยังกล่าวอีกว่า Q4 E-Tron Sportback มีหนึ่งในโมเดลที่มีห้องโดยสารที่กว้างขวางที่สุดในบรรดารุ่นที่ใกล้เคียงกัน โดยมีระยะฐานล้อ 109.2 นิ้ว (2,774 มม.) และชุดแบตเตอรี่แบบแบนทำให้พื้นที่ส่วนหน้าและส่วนหลังเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลือกอื่นๆในท้องตลาด และเช่นเดียวกับ Volkswagen Group EVs ส่วนใหญ่ Q4 E-Tron Sportback ใช้แพลตฟอร์มการใช้พลังงานไฟฟ้าแบบแยกส่วน (MEB)
[adsforwp id=”198″]
Audi Q4 E-Tron Sportback มีชุดแบตเตอรี่ขนาด 82-kilowatt-hour battery pack และมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว แยกกันทำงาน โดยที่การติดตั้งจะอยู่ที่เพลาหน้าและหลังอย่างล่ะตัว มอเตอร์ไฟฟ้าที่ด้านหลังผลิต 201 แรงม้า ในขณะที่มอเตอร์บนเพลาหน้าเพิ่มอีก 100 แรงม้า ทำให้ E-Tron Sportback มีกำลังการผลิตรวม 301 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน AWD ด้วยสิ่งนั้น Q4 Sportback จะได้รับความเร็ว 62 ไมล์ต่อชั่วโมง (100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ใน 6.3 วินาทีและความเร็วสูงสุดที่ จำกัด คือ 111.8 ไมล์ต่อชั่วโมง (180 กม. / ชม.) ระยะการขับขี่โดยรวมของ Sportback นั้นอยู่ที่ประมาณ 280 ไมล์ (450 กิโลเมตร) โดยมีความสามารถในการชาร์จสูงสุด 125 กิโลวัตต์มันใช้เวลาเพียง 30 นาที ในการชาร์จไฟจาก 0-80%
อย่างไรก็ดี Audi Q4 E-Tron Sportback ยังคงเป็นรถต้นแบบที่ยังไม่มีการผลิตจริงออกมา คาดว่าทางผู้ผลิตเองจะใช้เวลาในการพัฒนาต่อจนถึงการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเวอร์ชั่นพร้อมขายจริงในช่วงปลายปี 2020 นี้ โดยจะถูกวางจำหน่ายในรูปแบบของโมเดลสำหรับปี 2021 โดยมีตลาดยุโรปและอเมริกาเป็นสองตลาดใหญ่สำหรับโมเดลทางเลือกคันนี้
Credit : www.motor1.com
[adsforwp id=”198″]