เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว BYD ได้เปิดตัวเทคโนโลยี DM-i 5.0 ซึ่งเป็นเทคโนโลยี PHEV รุ่นที่ 5 ที่พัฒนาโดยบริษัทเอง ซึ่งมีข้อถกเถียงกันในวงกว้างถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ 3 ประการ ที่ส่งผลโดยตรงต่อ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงประสิทธิภาพเชิงความร้อน และระยะทางในการวิ่งที่เพิ่มสูงสุดเป็น 2,100 กิโลเมตรต่อรอบ ซึ่งข้อสงสัยเหล่านี้ ถูกยืนยันหลักฐานด้วยการทดสอบในโลกความเป็นจริง ใช้จริง และยังถ่ายทอดสดการทดสอบอีกด้วย
กิจกรรมวันนี้เป็นการทดสอบอย่างเป็นทางการของ BYD ที่ใช้ช่องทางออนไลน์ในการถ่ายทอดสดการทดสอบแบบเรียลไทม์ โดยมี Li Yunfei ผู้ดำรงค์ตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายแบรนด์และแผนกประชาสัมพันธ์ของ BYD ในการเปิดตัวเทคโนโลยีดังกล่าว รถยนต์สองคันแรกที่ได้รับเทคโนโลยีใหม่นี้ก็คือ Qin L และ Seal 06 ซึ่งการทดสอบในครั้งนี้ได้ใช้งานเจ้า Seal 06 เป็นตัวหลักในการทดสอบ
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา BYD ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากมายเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์ระยะทาง 100 กิโลเมตร ที่ใช้เชื้อเพลิงเพียง 2.9 ลิตร เนื่องจากการทดสอบของ BYD ที่ใช้อ้างสิทธิ์นั้น จะใช้มาตรฐาน NEDC (New European Driving Cycle) ซึ่งใช้กันมานานแล้วตั้งแต่ปี 1997 ที่เอาให้เข้าใจง่ายๆ เลยคือ มาตรฐานนี้มีบรรทัดฐานที่ต่ำกว่ามาตรฐาน WLTC (Worldwide Harmonised Light Vehicle Test Cycle) ที่เป็นมาตรฐานที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ และเริ่มใช้งานมาตั้งแต่ปี 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งมาตรฐานใหม่นี้จะสองคล้องกับการใช้งานในโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่า และเมื่อแปรผันค่ามาตรฐานที่มีปัจจัยที่แตกต่างกันแล้ว ตัวเลข 2.9ลิตร/100 กิโลเมตร ของมาตรฐาน NEDC จะเท่ากับ 3.8 ลิตร/100 กิโลเมตร บนมาตรฐาน WLTC
จากส่วนหนึ่งของการทดสอบพบว่า Seal 06 ซึ่งในจังหวะนั้น มีสถานะแบตเตอรี่ที่ (SOC) 15% โดยทำการทดสอบตัวรถวิ่งทำระยะไปถึง 103.1 กิโลเมตร โดยสรุปแล้ว ใช้เชื้อเพลิงไปเพียง 2.56 ลิตร และสถานะของแบตเตอรี่ลดลงมาอยู่ที่ 13% เมื่อเทียบตามสัดส่วนแล้ว จะพบว่าตัวรถ Seal 06 จะมีอัตรสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 2.54 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ซึ่งจะต่ำกว่าตัวเลขที่ระบุโดย BYD ที่อ้างว่าจะมีอัตราสิ้นเปลือง 2.9 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าสอบผ่านแบบง่ายๆ
แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรรู้เกี่ยวกับการทดสอบของ Seal 06 ในครั้งนี้ คือการขับขี่ใช้งานบนเส้นทางปกติ ที่มีการจารจรที่เป็นธรรมชาติ และใช้ความเร็วเฉลี่ยตลอดการทดสอบที่ 33 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และใช้เวลาในการทดสอบทั้งหมดจากเวลาการถ่ายทอดสด 3 ชั่วโมงเศษๆ และใช้ตัวรถรุ่นที่ติดตั้งแบตเตอรี่สำหรับระยะทาง 80 กิโลเมตร ซึ่งจะมีน้ำหนักตัวที่เบากว่ารุ่นระยะทาง 120 กิโลเมตรที่เป็นตัวท๊อป และเมื่อแปรผันตามตัวเลขแล้ว รุ่น 120 กิโลเมตร คาดว่าจะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 3.08 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร (หวังว่าจะตามกันทันนะ)
อย่างไรก็ดีมีบล็อกเกอร์ที่มีชื่อว่า 向北不断电 ได้ทำการทดสอบ Qin L รุ่นท๊อปสุด ที่มีแบตเตอรี่สำหรับระยะทาง 120 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการขับรถด้วยตัวเองเริ่มต้นที่ซีอาน มณฑลส่านซี โดยมีปลายทางอยู่ที่เซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง โดยมีระยะทางกว่า 2,000 กิโลเมตร โดยผู้ทดสอบลจะเปิดเครื่องปรับอากาศอยู่ที่ 24 องศาตลอดการเดินทาง และมีการใช้ความเร็วสูงสุดที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (บนทางหลวง) และจะใช้เวลา 3 วันในการเดินทาง โดยไม่มีการชาร์จแบตเตอรี่ หรือเติมเชื้อเพลิงตลอดการเดินทาง
โดยเริ่มแรกนั้น ผู้ทดสอบเริ่มต้นด้วยการวิ่งด้วยเชื้อเพลิงทั้งหมดก่อน โดยสามารถทำระยะทางได้ราวๆ 1,800 กิโลเมตร เมื่อสัญญาณไฟเตือนเชื้อเพลิงดับลง ก็เปลี่ยนมาใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ จุดสุดท้ายตัวรถหยุดนิ่งแบบไม่มีพลังงานหลงเหลือที่ระยะ 1,977 กิโลเมตร วิดีโอในช่วงท้ายของการทดสอบไม่เพียงแสดงให้เห็นถังเชื้อเพลิงที่ปิดสนิทและช่องชาร์จเท่านั้น แต่ยังแสดงรถที่กำลังถึงรถลากเพื่อไปเติมเชื้อเพลิงที่สถานบริการน้ำมัน โดยเติมเชื้อเพลิงไปทั้งสิ้น 66.74 ลิตร ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่าความจุถังน้ำมันอย่างเป็นทางการที่เปิดเผยโดยผู้ผลิตที่ 65 ลิตร โดยสรุปแล้ว 向北不断电 กล่าวว่าค่าเฉลี่ยของอัตราสิ้นเปลืองของ Qin L รุ่นท๊อป จะอยู่ที่ 3.37 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลข NEDC ที่ BYD ระบุไว้
สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยี DM-i 5.0 ของ BYD นั้นน่าสนใจและมีค่าเฉลี่ยที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ผู้ผลิตกล่าวอ้างเป็นอย่างมาก ซึ่งสิ่งนี้เองทำให้เราสนใจระบบใหม่นี้มากขึ้น และหากเป็นไปได้ เราเองก็อยากทดสอบมันให้เห็นกับตาของตัวเองสักครั้งในชีวิต
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก carnewschina.com 向北不断电