อย่างที่หลายคนทราบกันดีจากนี้อีกไม่นาน Mazda CX-30 จะได้เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยตามรุ่นพี่ CX-8 ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ ซึ่งนับว่ามันเป็นรุ่นที่จะเข้ามาเจาะตลาดกลุ่ม SUV-B ที่ Mazda CX-3 เคยทำไว้แต่อาจจะยังไม่เข้าเป้าในไทยเท่าที่ควร ซึ่งโอกาสแก้มือในครั้งนี้ดูจะมีความหวังที่จะได้ส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น โดยครั้งนี้มันจะมีเขี้ยวเล็บอะไรมาสู้กับคู่แข่งบ้าง มาติดตามกันเลยครับ!
[adsforwp id=”198″]
Mazda CX-30 มีข้อปรับปรุงที่ดีขึ้นจาก CX-3 อย่างชัดเจนในทุกมิติ!
สำหรับใครที่ชื่นชอบ Mazda CX-3 รุ่นก่อนนั้นก็จะต้องชอบเจ้า CX-30 อย่างแน่นอน เพราะจุดเด่นที่รุ่นใหม่นี้นำเสนอและสามารถลดจุดด้อยของรุ่นเก่าไปอย่างสิ้นเชิงก็คือเรื่องของขนาดภายในห้องโดยสารที่ถูกปรับปรุงให้มีความกว้างใหญ่มากขึ้นและมีวัสดุที่มีคุณภาพดีขึ้้นโดยเฉพาะแถวสองที่ได้รับการปรับปรุงให้มี Head Room และ Legs Room ที่เหมาะสมกับการใช้งานมากกว่ารุ่นก่อนอย่างมาก ซึ่งต้องนับรวมถึงการออกแบบตกแต่งภายในที่ลงตัวมากกว่าเดิม อีกทั้งยังมีตัวเลือกสีของห้องโดยสารและเบาะเป็นสีเบจ ช่วยให้ห้องโดยสารดูมีความกว้างขวางสบายตามากขึ้น
และเมื่อขนาดของรถและห้องโดยสารมีขนาดใหญ่ขึ้นแล้ว จุดที่สำคัญอีกจุดก็คือห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเช่นกัน ทำให้มันมีความยืดหยุ่นในการใช้งานกว่าตัวเก่า และตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพราะแน่นอนว่าคนที่จะเลือกใช้รถประเภท SUV นั้นก็ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆ เช่นกัน
[adsforwp id=”198″]
ถึงแม้จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นแต่ไม่ได้ทำให้ขับสนุกน้อยลง!
ต่อมาหลายคนอาจจะกังวลว่า เมื่อขนาดมิติตัวรถใหญ่ขึ้นแล้วมันจะสูญเสียการทรงตัว การควบคุม และความสนุกในการขับขี่ที่เป็นจุดเด่นของ Mazda ไปมากหรือไม่ ต้องบอกเลยว่า CX-30 รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบช่วงล่างใหม่ล่าสุดของทางค่าย ด้วย SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE พร้อมกับชุดซับแรงสะเทือนแบบ McPherson strut ที่สองล้อหน้าหน้า และ Torsion beam ที่สองล้อหลัง ซึ่งทางค่ายรับประกันว่า ความสนุกในการขับขี่นั้นจะไม่หายไป และสามารถควบคุมรถได้ดังใจนึกอย่างแน่นอน
ใช้งานได้สะดวกสบาย พร้อมความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย!
Mazda CX-30 ใหม่นี้จะมาพร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์ที่ดีเยียมด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 8.8 นิ้ว เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชัน MyMazda พร้อมชุดเครื่องเสียงจาก Bose® แบรนด์เครื่องเสียงคุณภาพที่ให้ลำโพงมามากที่สุดถึง 12 ตำแหน่ง โดยควบคุมผ่าน Center Commander ที่ใช้งานได้อย่างสะดวกปลอดภัย เบาะที่นั่งปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง หน้าปัดอนาล็อกผสมดิจิตอล ใช้งานร่วมกับ Head Up Display โดยสะท้อนกระจกหน้ารถแสดงข้อมูลสำคัญในระดับสายตาผู้ขับขี่
ในส่วนของความปลอดภัยทางค่ายได้ติดตั้ง MAZDA PROACTIVE SAFETY ซึ่งเป็นแพ็คเกจเทคโนโลยีความปลอดภัยต่างๆ ได้แก่ Driver Monitoring คอยตรวจจับ สังเกตุอาการต่างๆ ของผู้ขับที่อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ และแจ้งเตื่อน, i-ACTIVSENSE ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน เช่น การเตือนจุดอับสายตาด้านข้าง ด้านหน้า และด้านท้าย, ระบบเตือนการออกนอกเลน, ระบบเบรกอัตโนมัติขณะถอยหลัง เป็นต้น และ Cruising & Traffic Support (CTS) ที่ทำงานคล้ายกับระบบ Zero Cruise Control ที่จะช่วยในการเร่งและเบรกตามรถคันหน้าอัตโนมัติขณะอยู่ในการจารจรที่ติดขัด รวมถึงบังคับเลี้ยวอัตโนมัติตามเส้นจราจรในความเร็วระดับหนึ่ง
ซึ่งจากจุดเด่นที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นสเปค Mazda CX-30 จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าสเปคสำหรับคนไทยนั้น อาจจะมีความแตกต่างออกไปพอสมควรในเรื่องของขุมพลังเครื่องยนต์ที่จะมีเพียงแบบเดียวก็คือ เครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 2.0 4 ลูกสูบ ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 199 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที และจะส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ไปยัง 2 ล้อหน้าเท่านั้น
และอีกไม่นานเกินรอเราคงจะได้เห็นตัวจริงของสเปคไทยกันแล้ว และมันจะมีคุณสมบัติครบถ้วนจากต้นแบบประเทศแม่มากน้อยแค่ไหนนั้นต้องมาติดตามกันต่อไปครับ
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก mazda.com mazda.com.au
[adsforwp id=”198″]