พึ่งจะเปิดตัวไปหมาดๆ สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของแผนก GR จากผู้ผลิตรถยนต์ Toyota กับเจ้า 2023 GR Corolla ซึ่งต้องบอกเลยว่าสมกับการรอคอยเป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่รูปแบบของตัวรถจะโดนใจพวกเรา แต่มันยังพกพาความแรงขึ้นสุดมาในตัวอีกด้วย
[adsforwp id=”1302″]
ก่อนอื่นเราขอพาไปดูข้อมูลของตัวรถกันสักหน่อย 2023 Toyota GR Corolla จะมาพร้อมกับขุมกำลังขนาด 1.6 ลิตรเทอร์โบ 3 ลูกสูบ ที่มีการปรับจูนใหม่ สามารถรีดกำลังได้สูงถึง 300 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบส่งกำลังแบบ Manual 6 สปีดพร้อมฟังก์ชั่นปรับรอบ ระบบขับเคลื่อนแบบ GR-Four ที่แข็งแกร่งมีการตั้งค่าแยกแรงบิดด้านหน้า-ด้านหลัง 60-40, 50-50 และ 30-70 ที่เลือกได้ ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ขับขี่
น่าเสียดายที่ทางผู้ผลิตเองไม่ได้ออกมากล่าวอ้างถึงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่ติดตั้งบนตัวรถ แต่ถึงจะอย่างไรก็ตาม เครื่องยนต์ชุดนี้ถูกใช้งานแล้วบน GR Yaris เราจึงสามารถนำมันมาเปรียบเทียบได้ แต่ถึงแม้ว่าจะใช้งานเครื่องยนต์ชุดเดียวกัน แต่มีการปรับจูนที่แตกต่างกัน โดย GR Yaris จะมีกำลังสูงสุด 270 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ซึ่งเจ้า GR Yaris จะมีความสามารถในการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 5.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อเปรียบเทียบในเรื่องสัดส่วนน้ำหนักแล้ว GR Yaris จะมีน้ำหนักรวม 1,280 กิโลกรัม เบากว่า GR Corolla ที่มีน้ำหนัก 1,474 กิโลกรัม ดังนั้นจึงพอจะอนุมานได้ว่า GR Corolla จะเร่งความเร็วจาก 0-100 ได้ในเวลาประมาณ 5.2-5.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ราวๆ 230-235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
GR Corolla ใช้แพลตฟอร์ม GA-C เวอร์ชั่นดัดแปลงซึ่งมีจุดเชื่อมเพิ่มเติมสำหรับเฟรมเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับข้อต่อฝากระโปรงหน้าและแผงประตูหน้าเป็นอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนัก ตัวถังจะได้รับช่องอากาศ Canards ที่บริเวณบังโคลนหน้าทั้งสองฝั่งเพื่อระบายอากาศ และงานออกแบบใต้ท้องรถจะเรียบเป็นพิเศษ เพื่อลดแรงลากเมื่อยามวิ่งด้วยความเร็วสูง
[adsforwp id=”1302″]
ระบบกันสะเทือนของตัวรถ จะเป็นแบบ MacPherson สำหรับด้านหน้าและดีไซน์แบบ double-wishbone ที่ด้านหลัง ผนวกเข้ากับวงล้อขนาด 15 นิ้ว ลวดลายแบบ 15 ก้าน สวมด้วยยาง Michelin Pilot Sport 4 ขนาด 235/40R18 ในส่วนของระบบเบรกนั้น ตัวรถจะมีจานดิสก์แบบโรเตอร์พร้อมช่องระบายความร้อนขนาด 14 x 11 นิ้ว พร้อมคาลิปเปอร์สี่ลูกสูบด้านหน้า ส่วนด้านหลังจะเป็นจานโรเตอร์ขนาด 11.7x 0.7 นิ้ว พร้อมคาลิปเปอร์สองลูกสูบ
ภายในของ GR Corolla มีหน้าจอคนขับจะเป็นการแสดงผลแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอจะมีส่วนการแสดงผลการขับขี่ แรงดันเทอร์โบ ระบุตำแหน่งเกียร์ และมาตรวัดความเร็วรอบ ส่วนหน้าจอสาระบันเทิงส่วนกลางจะมีขนาด 8 นิ้วแบบลอยตัว พวงมาลัยแบบ Multi-Fuction ที่สามารถเข้าถึงการตั้งค่าต่างๆ โหมดการขับขี่ และควบคุมการเล่นเพลงต่างๆได้
นอกจากตัวรถที่พร้อมจำหน่ายในเร็วๆ นี้ ยังมีแพ็กเกจเสริมที่จะปรับตัวรถให้เข้าใกล้รถแข่งในสนามให้มากที่สุด ด้วยแพ็กเกจ Circuit Edition ที่จะนำเสนอการอัพเกรดหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ ก้ามปูเบรกเป็นสีแดงและมีโลโก้ GR และจะมีการอัพเกรดในเรื่องของเทคนิคด้วยเฟืองท้าย Torsen limited-slip differentials สปอยเลอร์หลังสีดำด้าน
ภายในห้องโดยสารจะเป็นเบาะนั่งหนังสังเคราะห์ Brin Naub เช่นเดียวกับแผงบุโดยรอบในห้องโดยสาร จะเล่นธีมสีแบบทูโทน สีดำตัดกับสีแดง เสริมอารมณ์ความเป็นสปอร์ต เบาะนั่งด้านหน้าแบบปรับความร้อนได้ เช่นเดียวกับพวงมาลัยจะมาพร้อมกับ Heat Grip และเพิ่มระบบควบคุมอุณหภูมิแบบอัตโนมัติให้อีกด้วย
ยังไม่มีการกำหนดราคาทั้งรุ่น Core ที่จะเป็นมาตรฐานและรุ่นเสริมอย่าง Circuit Edition แต่มีการกระซิบมาว่าในเกรด Circuit Edition จะมีการจำหน่ายเพียง 1 ปีเท่านั้นหลังจากเปิดตัว ซึ่งทางผู้ผลิตยังไม่บอกว่าจะเป็นรูปแบบ Limited Edtion หรือไม่ ซึ่งเราก็คงต้องติดตามกันต่อไป
Credit : www.motor1.com
[adsforwp id=”1302″]