นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมา ชื่อของทางบริษัท Great Wall Motors ก็เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ในวงการยานยนต์ประเทศไทย สืบเนื่องมาจากการเข้าเทคโอเวอร์โรงงานของทาง Chevrolet ในบ้านเรา เพื่อเตรียมผลิตและประกอบรถของทางแบรนด์ในเครือตัวเอง เพื่อเน้นการทำตลาดในประเทศไทยโดยเฉพาะ
[adsforwp id=”1302″]
และสำหรับทางแบรนด์ Haval นั้น เป็นแบรนด์ในเครือของทางบริษัท Great Wall Motors ที่เน้นการพัฒนาและวางจำหน่ายรถในแนว SUV เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีกระแสข่าวจากวงในหลายๆ แหล่งได้วิเคราะห์ว่า รถ SUV คันเก่งของพวกเขาในรุ่น F7X นั้น จะถูกนำมาประกอบกันในประเทศไทย เพื่อทำตลาดบ้านเราในราคาที่ไม่มีกำแพงภาษีมาเป็นอุปสรรคในการทำราคาแต่อย่างใด
[adsforwp id=”1302″]
โดยรุ่นเริ่มต้นของ Haval F7X ที่วางขายในประเทศจีนนั้นอยู่ที่ประมาณ 520,000 บาท เมื่อแปลงค่าเงินเป็นเงินไทย และรุ่นท็อปสุดก็จะอยู่ที่ประมาณ 670,000 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เร้าใจเอามากๆ เมื่อเทียบกับสเปค ขุมกำลังเบนซินขนาด 1.5 ลิตรและ 2 ลิตร แบบเทอร์โบชาร์จทั้งคู่
โดยระบบเกียร์จะเป็นแบบ DCT 7 สปีด ซึ่งทางค่ายเคลมไว้ว่าในรุ่นท็อปเครื่อง 2 ลิตรนั้น สามารถทำความเร็วตั้งแต่ 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียงแค่ 7.5 วินาทีเท่านั้น รวมไปถึงโหมดการขับขี่ถึง 6 โหมด อย่างโหมด Standard (มาตรฐาน), Sport (เน้นความแรง), Mud (ลุยโคลน), Sand (ลุยทางฝุ่นทางทราย), Snow (ลุยหิมะ) และ ECO (ประหยัดน้ำมัน) หน้าจอแสดงผลภายในตัวรถจะเป็นแบบ LCD ขนาด 7 นิ้วสำหรับแดชบอร์ด และขนาด 9 นิ้วสำหรับการแสดงผลมัลติมีเดียต่างๆ ซึ่งรองรับระบบทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto นอกจากนั้นยังเสริมระบบความปลอดภัยด้วย Air Bag ถึง 6 ลูกด้วยกัน, ระบบป้องกันการชน, เบรก ABS และระบบกล้องมองรอบคัน
ถึงแม้ว่าราคาขายในประเทศไทยเรานั้น ยามที่เปิดตัวกันจริงๆ ในช่วงปี 2021 ข้างหน้า อาจจะสูงกว่าที่ขายในประเทศจีนไปบ้าง (ด้วยปัจจัยและโครงสร้างราคาที่ไม่เหมือนกัน) แต่ก็คาดว่าจะไม่สูงกว่ามากเกินไปนัก (อาจจะบวกไปประมาณ 1 แสนบาท) ซึ่งก็นับว่าน่าสนใจเอามากๆ เลยทีเดียว เพราะว่าในบ้านเรามีความนิยมในรถแนว SUV ขนาดกลางแบบนี้เอามากๆ สังเกตได้จากตามท้องถนนในทุกวันนี้
[adsforwp id=”1302″]